ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เปิดเผยในงานการนำเสนอโครงการวิจัยพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภูมิภาคเพื่อสร้างไทยเป็นศูนย์กลางแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ว่า บพท. ได้ผลักดันง่รวิจัยของ บพท. มาใช้แปลงแนวความคิดการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ไปสู่ระเบียงเศรษฐกิจ เชื่อมประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ไปถึงประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง (Thai Centrality)
"งานวิจัยชุดนี้ ไม่ได้เป็นแค่งานวิชาการ แต่ บพท. ต้องการแรงบันดาลใจจากคณะทำงานในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ไทยเป็นส่วนหนึ่งของระบบห่วงโซ่อุปทาน ของโลก และมีโอกาสที่จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบโลกใหม่ได้เช่นกัน” ดร.ปุ่น ระบุ
ศ.ดร.รุธิร์ พนมยงค์ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยฯ ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจาก บพท. กล่าวว่า โครงการวิจัยนี้ได้นำกรอบวิจัยของ บพท. มาพิจารณาต่อยอดกับชุดข้อมูลเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดชายแดน ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติริ (สศช.) เริ่มไว้ โดยแปลงแนวความคิดจากเขตเศรษฐกิจพิเศษ ไปสู่ระเบียงเศรษฐกิจ เชื่อมประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ได้ใช้ฐานความเป็นภาคีกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ความเป็นภาคีกลุ่มประเทศพัฒนาเศรษฐกิจ 3 ฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) และความเป็นภาคีสมาชิกกลุ่มบริคส์ (BRICS) มาเป็นแนวทางกำหนดกรอบวิจัย โดยำหนดกรอบวิจัยออกเป็น 5 ระเบียงเศรษฐกิจ ประกอบด้วย
ทั้งนี้เพื่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านทุกทิศทาง รวม 8 ประเทศ ทั้งสปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย และศรีลังกา ดังนี้
"ในกระบวนการวิจัยจะให้ความสำคัญกับการแสวงหาคำตอบเพื่อการขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจให้เกิดประโยชน์ต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ สร้างความมั่งคั่งแก่ประชาชนในพื้นที่ และนำสู่ความมั่นคงของประเทศ ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงของธุรกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก" ศ.ดร.รุธิร์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของระเบียงเศรษฐกิจ และประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแห่งหนึ่งของโลก ต้องขับเคลื่อนร่วมกันในลักษณะ "ไตรภาคี" ประกอบด้วยภาครัฐ-ภาค เอกชน-ภาควิชาการ ขณะเดียวกันยังต้องขับเคลื่อนภายใต้ 7 ยุทธศาสตร์หลักคือ