นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดเชยความเสียหายโครงการจำนำข้าว 10,028 ล้านบาทนั้น กระทรวงการคลังพร้อมดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราห่วงที่สุด คือ กระบวนการทั้งหมดที่ผ่านมา กระทั่งมาถึงวันนี้ อดีตนายรกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มีการทุจริต หรือคอรัปชั่นใดๆ
ทั้งนี้ การที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้ผลักดันนโยบาย จากการหาเสียง และได้รับความเห็นชอบจากประชาชน กลับต้องมาเจอผลลักษณะนี้ เป็นผลในเชิงลบต่อระบอบประชาธิปไตยโดยรวม ซึ่งใครที่เข้ามาในการเมืองอนาคตจะต้องเกิดความกลัว และระแวง
“ถามว่ารัฐบาลนี้เจอไหม เราก็เจอ เพราะการเดินหน้าโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ก็เจอสกัดหลายครั้ง และความระแวงส่วนหนึ่งเกิดจากกลไกประเภทนี้ ทั้งที่เรารู้อยู่ว่าการทำงานของเราไม่มีเรื่องทุจริต คอรัปชั่น และไม่มีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝง เป็นเพียงการสร้างการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
และประโยชน์ให้กับประชาชน ก็จะต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว จะเป็นปัญหาระบอบประชาธิปไตยในระยะยาว เพราะสุดท้ายคนที่เข้ามาสู่ระบบประชาธิปไตย คนที่จะเข้ามาสู่การเมืองแล้ว หวังจะคิดและทำสิ่งดีๆ ก็อาจจะกันคนส่วนนั้นออกไป”
ขณะเดียวกัน มีการระบุชัดเจนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้กระทำ แต่ตรงจุดนี้ทำให้เกิดความรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมที่เกิดกับตัวท่าน ส่วนตัวผมที่รู้จักท่านก็ขอส่งกำลังใจให้
นอกจากนี้ ได้ตั้งข้อสังเกตว่าโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เรามานั่งคิดกำไร ขาดทุนกันทุกโครงการ ในอนาคตการทำถนนจะต้องมานั่งถามหรือไม่ว่าขาดทุนกี่บาท หรือโครงการประกันราคาสินค้าเกษตรที่รัฐบาลก่อนหน้าดำเนินการ ต้องถามหรือไม่ว่าขาดทุนเท่าใด
สำหรับเงินตามมาตรา 28 ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ใช้ในโครงการจำนำข้าว ขณะนี้รัฐยังทยอยจ่ายตามกรอบที่ได้รับจัดสรรจากสำนักงบประมาณ ซึ่งยังใช้ไม่หมด ซึ่งภาพรวมเงินตามมาตรา 28 ของรัฐบาลกับธ.ก.ส. ตอนนี้ทุกโครงการมีอยู่ 8 แสนล้านบาท ซึ่งมีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยืนยันว่าไม่กระทบต่อสภาพคล่อง หรือสถานะการเงิน ธ.ก.ส.