นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ส่งรายการทบทวนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อรองรับนโยบายภาษีสหรัฐอเมริกา มาให้ตนในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ทั้งนี้ จะนำเรียนเรื่องดังกล่าวไปเสนอที่ประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ในวันที่ 19 พ.ค.นี้
สำหรับการทบทวนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น พิจารณาภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท ที่อนุมัติไว้สำหรับเดินหน้าโครงการแจกเงินดิจิทัล เฟส 3 และเฟส 4 ทั้งนี้ ในการทบทวนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้มีการแบ่งกลุ่มต่างๆ ที่จะดูแล เพื่อรองรับสถานการณ์ปัจจุบัน ครอบคลุมทั้งด้านการลงทุน ปรับโครงสร้าง และดูแลกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐ
“ขณะนี้เรายังระบุไม่ได้ว่า จะเดินหน้าโครงการดิจิทัล วอลเล็ตต่อไปหรือไม่ เป็นอำนาจของบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่จะพิจารณาว่าควรเดินหน้าโครงการใดบ้าง ภายใต้วงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีอยู่ 1.57 แสนล้านบาท”
ส่วนกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้วงเงินในการดูแลเศรษฐกิจมากกว่า 1.57 แสนล้านบาทนั้น นายลวรณ กล่าวว่า ไม่ได้อยู่ในอำนาจของบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลจะมีอำนาจในการพิจารณาใช้งบจากส่วนอื่นๆ เข้ามาดูแลได้ เช่น งบกลางสำรองใช้จ่ายฉุกเฉิน ซึ่งขณะนี้คงเหลือประมาณ 5 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่อยากให้กังวลว่าวงเงิน 1.57 แสนล้านบาทจะเพียงพอหรือไม่ อยากให้ติดตามอิมแพ็คจากโครงการที่จะเกิดขึ้นในระยะสั้น
ขณะนี้สัญญาณความขัดแย้งประเทศมหาอำนาจปรับเป็นบวก ต้องติดตามว่าสุดท้ายไทยจะโดนคิดภาษีจากสหรัฐเท่าใด แต่เราจะดูแลให้ดีที่สุด เนื่องจากวางเป้าหมายอยากให้เศรษฐกิจโตได้สูงสุด 2.9% จากเป้าหมายเดิม 3% แต่มั่นใจว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะไม่ต่ำกว่า 2%