“BOI” ดันผู้ประกอบการไทยสู่การผลิตยุคใหม่ มุ่งสู่อุตฯสีเขียว

14 พ.ค. 2568 | 07:46 น.
อัปเดตล่าสุด :14 พ.ค. 2568 | 07:46 น.

“BOI” เดินหน้าดันผู้ประกอบการไทยสู่การผลิตยุคใหม่ มุ่งสู่อุตสาหกรรมสีเขียว สร้างโอกาสจับคู่ธุรกิจกับผู้ซื้อรายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการยกระดับผู้ประกอบการไทยภาคการผลิตยุคใหม่ รวมถึงผลักดันให้เข้าถึงโอกาสในการจับคู่ธุรกิจกับผู้ซื้อรายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ

โดยดำเนินการผ่านงานซับคอนไทยแลนด์ และอินเตอร์แมค - พลาสติกแอนด์รับเบอร์ ไทยแลนด์ 2025 ป่านการร่วมมือกับพันธมิตรภาครัฐ–เอกชนในทุกห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ภายใต้แนวคิดลดคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ เพื่อขับเคลื่อนไทยเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมสีเขียวอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ บีโอไอให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุนและการรับช่วงการผลิตมาโดยตลอด โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ให้มั่นคงและยั่งยืน คือการยกระดับห่วงโซ่อุปทาน ของประเทศให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนและวัตถุดิบในประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทยและ SME ได้มีบทบาทอย่างแท้จริงในระบบอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต 

“BOI” ดันผู้ประกอบการไทยสู่การผลิตยุคใหม่มุ่งสู่อุตฯสีเขียว

โดยงานซับคอนไทยแลนด์สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของบีโอไอ ในการเชื่อมโยงโอกาสทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ผ่านกิจกรรม Business Matching กับผู้ซื้อรายใหญ่ การเจรจาจัดซื้อชิ้นส่วนในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ และกิจกรรมตลาดกลางซื้อขายที่เปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการทุกระดับ อีกทั้งอยังมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV)

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงรอบด้าน ทั้งจากภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่ระบบพลังงานสะอาด ประกอบกับปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ เทคโนโลยี และความยั่งยืนที่กำลังพลิกโฉมภาคอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว งานซับคอนไทยแลนด์ 2025 จะเป็นโอกาสสำคัญที่สะท้อนศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตและการลงทุนระดับภูมิภาค ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการจัดแสดงนวัตกรรม

แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้ต่อยอดเครือข่าย พัฒนาความร่วมมือ และขยายโอกาสทางธุรกิจสู่ตลาดสากล รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการผลักดันอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และพลังงานสะอาด เพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งภายในประเทศ 

และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในระยะยาว เราเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมการลงทุน พัฒนาเทคโนโลยี บุคลากร และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจโลกสู่ระบบสีเขียวและดิจิทัล ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก 

“ไทยยังคงมีโอกาสในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลาง Subcontracting & Supply Chain Hub แห่งภูมิภาคอาเซียน“

นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานบริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า งานดังกล่าวมุ่งเชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรมไทยเข้ากับเครือข่ายธุรกิจ เทคโนโลยี และการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยเข้าสู่การผลิตอัจฉริยะ และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ภาคการผลิตที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม