นางสาวกุลยา ตันติเตมิต อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยถึงกรณีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต ตามประกาศราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 6 พฤษภาที่ผ่านมา ว่า เป็นการช่วยให้สถานการณ์การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตดีขึ้น เนื่องจากการจัดเก็บภาษีรถยนต์ตามมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ทำให้รายได้ยังต่ำกว่าเป้าหมายค่อนข้างมาก โดยการปรับขึ้นภาษีน้ำมันสูงสุดลิตรละ 1 บาท จะช่วยให้กรมจัดเก็บรายได้เพิ่มเดือนละประมาณ 2,900 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในการปรับขึ้นภาษีน้ำมัน ไม่มีผลกระทบต่อราคาขายปลีก เนื่องจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้กระทรวงพลังงาน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการเพื่อปรับลดเงินนำส่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อไม่ให้การปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันมีผลกระทบต่อราคาขายปลีก
“กรมสรรพสามิต ได้มีการหารือกับกระทรวงพลังงานแล้ว ซึ่งทางกองทุนน้ำมันจะดำเนินการเรื่องโครงสร้างราคา โดยที่ไม่ทำให้ราคาขายปลีดน้ำมันมีการปรับขึ้น”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต และภาษีส่วนท้องถิ่น ของน้ำมันประเภทต่างๆ ที่มีการปรับเปลี่ยนมีรายละเอียด ดังนี้