คลังลั่นนโยบายการเงิน ต้องเข้ามาพยุงเศรษฐกิจ รับมือภาษีสหรัฐ

29 เม.ย. 2568 | 07:36 น.
อัปเดตล่าสุด :29 เม.ย. 2568 | 07:39 น.

ปลัดคลังรับนโยบายภาษีสหรัฐฯ กระทบจีดีพีไทย ชี้ต้องพยุงเศรษฐกิจให้โตต่ำ 3% น้อยที่สุด ลั่นนโยบายการเข้าต้องเข้ามาช่วย ยังไม่สรุปกู้เงิน 5 แสนล้านบาท

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สิ่งที่มหาอำนาจ 2 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกากับจีน มีปัญหากัน ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยแน่นอน โดยจีดีพีปีนี้ ที่วางเป้าหมายไว้ 3% นั้น คงจะไปได้ยาก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะต้องทำต่อไป คือ ทำให้เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่า 3% ได้น้อยที่สุด

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง

“วันนี้ยังเร็วไปที่จะตอบว่าว่าสุดท้ายผลจากนโยบายสหรัฐฯ จะมีผลต่อจีดีพีไทยเท่าใด เนื่องจากนโยบายสหรัฐฯ ยังไม่มีความชัดเจนว่าไทยจะโดยคิดภาษีนำเข้าเท่าใด และประเภทใดบ้าง รวมทั้งทีมเจรจาที่เราจะไปหารือกับสหรัฐจะออกมาเป็นอย่างไร”

ส่วนในด้านนโยบายการเงินนั้น มองว่าก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะต้องช่วยกัน ซึ่งเชื่อว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงต้องนำเอาข้อมูลใหม่ที่เกิดขึ้นขณะนี้ไปดู เนื่องจากนโยบายการเงินก็มีผลต่อการดูแลเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน คงต้องช่วยกัน

ส่วนมีความจำเป็นที่ต้องลดดอกเบี้ยนโยบายเลยหรือไม่นั้น นายลวรณ กล่าวว่า ขณะนี้หลายๆ ประเทศก็เริ่มใช้นโยบายการเงินในทิศทางลักษณะนี้ ซึ่งเชื่อว่ากนง.จะมีการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมที่สุด

“เชื่อว่ากนง. คงดูครบทุกมิติ แน่นอนว่า เมื่อผลเกิดขึ้น คาดว่าการค้าลดลง การส่งออกได้รับผลกระทบ คนตัวเล็กจะเหนื่อย ก็ต้องมาดูว่านโยบายการเงินจะทำหน้าที่อะไรในการบรรเทา ควบคู่ไปกับนโยบายการคลัง ที่จะต้องทำแน่นอน”

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะมีการกู้เงิน 5 แสนล้านบาทนั้น นายลวรณ กล่าวว่า เม็ดเงิน 5 แสนล้านบาท เป็นเพียงตัวเลขที่ตั้งไว้เป็นตุ๊กตาเท่านั้น ยังต้องพิจารณาลำดับ ความจำเป็นในการใช้เงินว่าจะนำไปใช้ในส่วนใดบ้าง เช่น การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ การใช้เงินเพื่อการลงทุน เป็นต้น

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะพิจารณาจากวงเงินที่มีอยู่ก่อน ซึ่งยังมีงบประมาณจากหลายทาง และหากยังไม่พออยู่จึงจะมีการพิจารณากู้เงิน ทั้งนี้ หากมีการกู้เงิน 5 แสนล้านบาท ก็จะกระทบต่อสัดส่วนหนี้สาธารณะเพียง 3% เท่านั้น ยังไม่เกินเพดานหนี้ที่วางไว้ 70%ต่อจีดีพี

“ตอนนี้เรากำลังดูบริบทการเปลี่ยนแปลงว่าจะต้องทำอะไรบ้าง หากมีความจัดเจนแล้วจึงจะรู้ราคาว่าเราจะลงไปใช้จำนวนเท่าใด และทำอะไรบ้าง ซึ่งขอย้ำอีกครั้งว่า การเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องที่หน้ากลัว ตราบใดที่เราทราบว่าจะกู้เงินเพื่อมาทำอะไร และมีความสามารถในการชำระคืนเงินต้น และดอกเบี้ยตามกำหนดก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว”