ซื้อหนี้ประชาชน ระวังดาบสองคม ถ้ายังไม่แก้วินัยการเงินประชาชน

19 เม.ย. 2568 | 09:16 น.
อัปเดตล่าสุด :19 เม.ย. 2568 | 09:23 น.

รัฐบาลลุยซื้อหนี้ประชาชน 1.2 แสนล้านบาท ดันธ.ก.ส. ตั้ง AMC ซื้อหนี้เกษตรกรสูงอายุมาบริหาร “ออมสิน” จ่อขยายขอบเขต ARI-AMC ซื้อหนี้จากแบงก์อื่นๆ นอกจากออมสิน

นโยบาย “แก้หนี้” เป็นเรื่องที่ทุกรัฐบาลปักธงเดินหน้ามาโดยตลอด แต่สถานการณ์หนี้ในปัจจุบันยังอยู่ระดับที่น่าเป็นห่วง โดยข้อมูลล่าสุดจากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด(เครดิตบูโร) ระบุว่า  หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระบบเครดิตบูโรปัจจุบัน มียอดคงค้างประมาณ 13.6 ล้านล้านบาท ที่เป็นส่วนของสถาบันการเงินสมาชิกเครดิตบูโร แต่หากรวมกับหนี้ กยศ. และสหกรณ์ออมทรัพย์ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 16.3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 89% ต่อจีดีพี

ซื้อหนี้ประชาชน ระวังดาบสองคม ถ้ายังไม่แก้วินัยการเงินประชาชน

รัฐบาลภายใต้การนำของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศว่า การแก้ไขปัญหาหนี้สินประชาชน เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนที่ต้องการผลักดันเช่นเดียวกัน ซึ่งก่อนหน้าได้ประกาศมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินประชาชน ภายใต้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” แต่ไม่ประสบความสำเร็จนัก เพราะคาดว่า จะมีลูกหนี้เข้าร่วมมาตรการเพียง 50% เท่านั้นจากลูกหนี้เป้าหมายทั้งหมด 1.9 ล้านราย รัฐบาลจึงต้องเดินหน้าหาแนวทางแก้ไขหนี้ประชาชนเพิ่มเติม

ล่าสุด รัฐบาลได้เตรียมมาตรการซื้อหนี้เสียประชาชน เพื่อให้ประชาชนเบาใจ และธนาคารพาณิชย์เบาตัว จากการโยกหนี้เสียออกจากพอร์ต จะทำให้สามารถเดินหน้าปล่อยสินเชื่อให้กับประชาชนได้ จากปัจจุบันที่ธนาคารพาณิชย์ระวังตัวแจ จนสินเชื่อในระบบหดตัว

นโยบายซื้อหนี้ประชาชน ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเคยนำมาแก้ปัญหาธนาคารพาณิชย์มาแล้วในสมัยหลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ที่มีการแยกบัญชีระหว่างหนี้ที่ดีและหนี้เสียออกมาดำเนินการ

โดยก่อนหน้านายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า แนวทางดำเนินการอาจจะมีการตั้งหน่วยบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ซึ่งต้องทำร่วมกับสถาบันการเงิน เพราะสถาบันการเงินเป็นเจ้าของหนี้ และต้องทำร่วมกับรัฐ เพราะจะเป็นคนช่วยในการบริหาร รวมทั้งอาจจะมีเอกชนบางส่วนที่มีความสนใจจะเข้ามาบริหารในส่วนนี้

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

“เราจะดูเฉพาะลูกหนี้มูลหนี้น้อย ไม่มีหลักทรัพย์ โดยมี 3 ล้านคน วงเงิน 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจะซื้อหนี้เพื่อแก้ไขให้ท่าน โดยจะหาทางผ่อนปรนให้ลูกหนี้ โดยมีเงื่อนไขได้รับการผ่อนปรนเฉพาะกลุ่มนี้ และเมื่อหลุดจากหนี้แล้ว สามารถขอสินเชื่อแบงก์ได้”

สอดคล้องกับ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)กล่าวว่า ได้สั่งการให้ธ.ก.ส.เข้าไปแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้ โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้ผู้สูงอายุ ผ่านการศึกษาจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ในรูปแบบบริษัทลูกของธ.ก.ส.เอง แล้วให้นำรายละเอียดกลับมาเสนอบอร์ดภายใน 1 เดือน

“ลูกค้าธ.ก.ส.จำนวนมาก ที่เริ่มอายุมากขึ้นและไม่ได้ทำการเกษตรแล้ว แต่มีภาระหนี้สิน ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ธ.ก.ส.มีลูกค้ากลุ่มผู้สูงอายุเกือบ 1 แสนบัญชี โดยในตัวแบงก์เอง แฮร์คัทหนี้เสียได้ยาก จึงจะต้องใช้แนวทาง AMC เข้ามาช่วย คล้ายกับ JV AMC ที่ดำเนินการโดยธนาคาร ออมสิน ซึ่งตามกฎหมายของธ.ก.ส.สามารถจัดตั้งได้”

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

ส่วนแนวทางการจัดตั้ง AMC จะไปรอดหรือไม่ เนื่องจากลูกหนี้เป็นกลุ่มสูงอายุแล้ว นายจุลพันธ์กล่าวว่า การศึกษาจัดตั้ง AMC ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวดีกว่า การส่งมอบหนี้สินให้กับทายาทและลูกหลาน ซึ่งการสั่งการดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในนโยบายการซื้อหนี้ประชาชนของรัฐบาลด้วย

ด้านธนาคารออมสิน ซึ่งได้เดินหน้าก่อตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด หรือ ARI-AMC ไปแล้วเมื่อช่วงปลายปี 2567 โดยร่วมทุนกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ล่าสุด นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ออมสินได้โอนสินเชื่อที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ให้กับ ARI-AMC รอบแรกแล้ว 1 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ คาดว่า ภายในไตรมาส 2 ปี 2568 นี้ จะเริ่มโอนหนี้เสียครั้งที่ 2 อีก 3 หมื่นล้านบาท โดยเป็นลูกหนี้ของออมสินเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ระยะต่อไปธนาคารมีแผนงานที่จะขยายการรับซื้อหนี้เสียไปยังสถาบันการเงินของรัฐแห่งอื่นๆ ด้วย ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขหนี้ประชาชน

“เราคาดว่า กระบวนการโอนหนี้เสียไปยัง ARI-AMC จะมีความล่าช้าเล็กน้อย จากเดิมที่คาดว่า จะมีการโอนหนี้เสียรอบ 2 ช่วงต้นปี 2568 เพราะยังอยู่ระหว่างขั้นตอนประเมินการเรียกเก็บหนี้ว่า สามารถช่วยเหลือลูกหนี้ได้มากน้อยเพียงใด และกำลังประเมินผลการดำเนินการในรอบแรกด้วย ซึ่งการโอนหนี้จากออมสินไปยัง ARI-AMC ในรอบแรกช้ากว่า กำหนดการเดิมเล็กน้อย จึงทำให้การโอนหนี้เสียรอบ 2 ขยับออกไป”

อย่างไรก็ตาม แนวคิดการซื้อหนี้เสียประชาชนนั้น ยังมีข้อกังวลจากนักวิชาการว่า เปรียบเสมือนดาบสองคมกล่าวคือ หากดำเนินการได้ถูกทางก็จะสามารถฟื้นเศรษฐกิจได้จริง จะช่วยลดภาระงบประมาณและหนี้สาธารณะ กระตุ้นเศรษฐกิจจากเม็ดเงินลงทุนจากภาคเอกชน รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน

ขณะเดียวกัน ก็มีความเสี่ยง เพราะหากรัฐบาลแก้เฉพาะหนี้ โดยไม่แก้ไขพฤติกรรมทางการเงินของประชาชนด้วย ปัญหาเดิมจะกลับมา ประชาชนกลับมาเป็นหนี้อีก ซึ่งจะกลายเป็นกับดักหนี้ซ้ำซาก สุดท้ายแล้วก็ต้องติดตามความชัดเจนของนโยบายซื้อหนี้เสียประชาชนต่อไป ว่าท้ายที่สุดแล้วจะสามารถแก้หนี้ได้อย่างยั่งยืนหรือไม่

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,088 วันที่ 17 - 19 เมษายน พ.ศ. 2568