“จุลพันธ์” สั่งธ.ก.ส. ศึกษาตั้ง AMC แก้หนี้เสียเกษตรกรสูงอายุ

09 เม.ย. 2568 | 23:51 น.

“จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง สั่งธ.ก.ส. ศึกษาตั้ง AMC แก้หนี้เสียเกษตรกรสูงอายุเกือบ 1 แสนบัญชี ขีดเส้นกลับมารายงานภายใน 1 เดือน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ธ.ก.ส. เข้าไปแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้ โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้ผู้สูงอายุ ผ่านการศึกษาจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ในรูปแบบบริษัทลูกของธ.ก.ส.เอง แล้วให้นำรายละเอียดกลับมาเสนอบอร์ดอีกครั้งภายใน 1 เดือน 

“ลูกค้าธ.ก.ส.จำนวนมาก ที่เริ่มอายุมากขึ้น และไม่ได้ทำการเกษตรแล้ว แต่มีภาระหนี้สิน จากข้อมูลพบว่า ธ.ก.ส.มีลูกค้ากลุ่มผู้สูงอายุเกือบ 1 แสนบัญชี โดยในตัวแบงก์เองนั้น แฮร์คัทหนี้เสียได้ยาก จึงจะต้องใช้แนวทาง AMC เข้ามาช่วย คล้ายกับ JV AMC ที่ดำเนินการโดยธนาคารออมสิน ซึ่งตามกฎหมายของธ.ก.ส.นั้น สามารถจัดตั้งได้” 

ส่วนแนวทางการจัดตั้ง AMC จะไปรอดหรือไม่ เนื่องจากลูกหนี้เป็นกลุ่มสูงอายุแล้ว นายจุลพันธ์ กล่าวว่า การศึกษาจัดตั้ง AMC ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับลูกหนี้กลุ่มดังกล่าว ดีกว่าการส่งมอบหนี้สินให้กับทายาท และลูกหลาน สำหรับการสั่งการดังกล่าว ก็เป็นหนึ่งในนโยบายการซื้อหนี้เสียประชาชนของรัฐบาล 

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการแก้ไขหนี้เสียของกลุ่มดังกล่าวนั้น มีความยาก เนื่องจากส่วนใหญ่ 60% เป็นหนี้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ในการค้ำประกัน และใช้รูปแบบรวมกลุ่มกันค้ำประกันกลุ่ม ทั้งนี้ เชื่อว่าหากดูแลลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวได้ จะช่วยลดสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ได้อย่างแน่นอน ซึ่ง ณ สิ้นปีบัญชี 2567 (เม.ย.67-มี.ค.68) NPL ธ.ก.ส.อยู่ที่ 5.8% 

ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เสนอให้ธ.ก.ส. ปรับพอร์ตลูกหนี้ เพราะลูกหนี้ธ.ก.ส.ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเปราะบาง อย่างไรก็ตาม อยากให้ธปท. เข้าใจว่ากลุ่มลูกค้าของธ.ก.ส. เป็นเกษตรกรที่มีความอ่อนแอที่สุด หากแข็งแรงก็สามารถไปขอสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ได้ แต่ยอมรับว่า ลูกหนี้ธ.ก.ส.จะมีปัญหาเรื่อง NPL และศักยภาพในการชำระหนี้ ซึ่งเป็นโจทย์ให้ ธ.ก.ส. ปรับพอร์ตเลือกกลุ่มที่แข็งแรงกว่าเข้ามาสร้างความสมดุลในพอร์ต ด้วย ฉะนั้น ในปีบัญชี 2568 (เม.ย.68-มี.ค.69) จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ ในที่ประชุมบอร์ด ธ.ก.ส. ได้ขอความร่วมมือจากตัวแทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มากขึ้น เพื่อให้มีส่วนร่วมในคณะอนุกรรมการต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนในบางมิติ อาทิ การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน เป็นต้น ถือเป็นครั้งแรกที่ตัวแทนจากกระทรวงเกษตรฯ เข้ามานั่งในคณะอนุกรรมการค่อนข้างเยอะ ถือเป็นการปรับเปลี่ยนการทำงานรูปแบบหนึ่ง