คมนาคม แจง “แอชตัน อโศก” อยู่ระหว่างแก้ไข คาดได้ข้อยุติ ในเร็ววัน

23 เม.ย. 2568 | 13:28 น.
อัปเดตล่าสุด :23 เม.ย. 2568 | 15:10 น.

“สรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ “ รองปลัดกระทรวงคมนาคม  แจง  “แอชตัน อโศก” อยู่ระหว่างการแก้ไข หลังกทม. เร่งหารือกฤษฎีกา ชี้กฤษฎีกาให้ความเห็นพร้อมแนวทางการแก้ไข คาดน่าจะได้ข้อยุติเร็วๆ นี้

กรณี ลูกบ้าน โครงการ แอชตัน อโศก เดินทางเข้ายื่นหนังสือหนังสือขอความเป็นธรรมต่อนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะทำงานเพื่อเร่งรัดทำหนังสือขอหารือต่อคณะกรรมการกฤษฎีกา ต่อแนวทางการอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของ รฟม.และเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบให้กับประชาชนจากกรณีอาคารชุดแอชตันอโศก

สรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์

 

เนื่องจากเห็นว่าการดำเนินการแก้ไขปัญหายังมีความล่าช้า จากเดิมได้ยืนยันว่าจะได้ข้อยุติต่อการแสวงทางออกของปัญหาทางเข้า-ออกแอชตัน อโศก ตั้งแต่ปี 2567 ส่งผลทำให้ขณะนี้เจ้าของห้องชุดที่โอนกรรมสิทธิ์ไปแล้วจำนวน 668 ห้องชุด เกิดปัญหาเรื่อง การซื้อขายเพื่อเปลี่ยนมือ และการรีไฟแนนซ์จากสถาบันการเงิน เรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าที่พึงได้ เนื่องจากมีอัตราความเสี่ยง  เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2568 ที่ผ่านมา

ด้านนายสรพงศ์  ยืนยันว่า ทางกระทรวงคมนาคมไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ทั้งการตั้งคณะทำงานฯ และประสานกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพราะทราบดีว่าเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อลูกบ้านโดยตรง แต่เนื่องจากขณะนี้ยังมีข้อกฎหมายที่เห็นต่างกัน ซึ่งกระทรวงอยู่ระหว่างการระดมความเห็นในข้อกฎหมาย และประชุมนักวิชาการทั้งหมด เพื่อให้เกิดความถูกต้องขอกฎหมายและกฎระเบียบ เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาต่อไป 

 

คมนาคม แจง “แอชตัน อโศก” อยู่ระหว่างแก้ไข คาดได้ข้อยุติ ในเร็ววัน

 

นอกจากนี้ ในช่วง 1 ปีเศษที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมมีแนวทางการแก้ไขส่งไปให้ รฟม.ไม่น้อยกว่า 7-8 เดือนแล้ว ทางบอร์ด รฟม. ก็ได้รับแนวทางของกระทรวงไปแล้ว เพียงแต่ว่าแนวทางการดำเนินงานต่างๆ เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบต้องไปแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในเชิงของกฎหมาย ซึ่งจะต้องมีการขับเคลื่อนกันต่อไป 

ส่วนไทม์ไลน์เกี่ยวกับข้อยุติเรื่องนี้นั้น นายสรพงศ์ กล่าวสั้นๆ ว่า  "เรื่องนี้งวดขึ้นมาทุกทีแล้ว สิ่งที่ต้องขอให้ลูกบ้านแอชตัน อโศก ดำเนินการก็คือ การยื่นหนังสือขอใช้ที่ดินของ รฟม. ฉบับใหม่ และไปตรวจสอบในเรื่องของการยื่นให้ถูกต้องตามระเบียบ รฟม. และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง  หลังจากครั้งที่แล้วทราบว่า ลูกบ้านได้มีการขออนุญาตใช้ที่ดินของ รฟม. เป็นทางเข้า-ออกโครงการแอชตัน อโศก แต่ยื่นอุทธรณ์ไม่ถูกข้อบังคับเล็กน้อย ครั้งนี้จึงอยากให้ทางลูกบ้านประสาน รฟม. ดูว่ากลไกการขอยื่นอุทธรณ์รอบใหม่จะต้องทำอย่างไร เพื่อให้เกิดความชัดเจนและถูกต้องต่อไป"

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด  กทม. ได้ยื่นหนังสือขอความเห็นไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นพร้อมแนวทางออกมาแล้วเช่นกัน ซึ่งถือว่าได้มีแนวทางการแก้ไขปัญหา แต่ทั้งนี้ขอให้รอ รฟม. พิจารณาทำเรื่องขอความเห็นเรื่องเดียวกันนี้ไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาในนาม รฟม. เองโดยตรงอีกครั้ง  ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของบอร์ด รฟม. แต่มั่นใจว่าปัญหาในเรื่องนี้น่าจะได้ข้อยุติเร็วๆ นี้ 

 “สิ่งที่กระทรวงคมนาคมคำนึง คือ ความสะดวก ความปลอดภัยของลูกบ้าน และประโยชน์สาธารณะเป็นที่ตั้ง ซึ่งต้องพิจารณาว่าจะทำยังไงให้การบริหารจัดการครัวเรือนทั้ง 668 ครัวเรือน สามารถที่จะดำรงอยู่ได้ โดยมีสวัสดิภาพเรื่องของทางเข้า-ออกอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมมีความเชื่อมั่นในเรื่องของการลงทุนและให้ความสำคัญของลูกบ้าน ยังเปิดโอกาสให้โครงการและลูกบ้านได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องทางเข้า-ออกอยู่ ตามมาตรา 40-41 และเมื่ออ่านคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดแล้ว เห็นว่าเป็นเรื่องโชคดีของลูกบ้านที่ไม่เพิกถอนโฉนด พรบ.ควบคุมอาคาร และเปิดช่องให้แก้ไขให้ถูกต้องได้” นายสรพงศ์ กล่าว

สำหรับสาระสำคัญในคำตอบของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ส่งให้ กทม.นั้น คือ

1.เรื่องการเพิกถอนใบรับแจ้งการก่อสร้าง กทม.จะต้องออกใบใหม่หรือไม่ คณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่า เมื่อศาลมีคำสั่งเพิกถอนถือว่าคำสั่งออกใบอนุญาตเดิมสิ้นสุดลง ทำให้การโครงการแอชตันฯ ก่อสร้างโดยไม่มีใบอนุญาต กทม.มีหน้าที่ทำให้ชอบด้วยกฎหมาย ให้สามารถยื่นคำขอใหม่อีกครั้งโดยให้มีผลย้อนหลังได้ ไม่ต้องรื้อหรือทุบ

2.การใช้อำนาจในการออกคำสั่ง ตามมาตรา 40 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ปี 2522 ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคาร ผู้ควบคุมงาน ผู้ดําเนินการ ระงับการกระทําดังกล่าว หรือห้ามมิให้บุคคลใดใช้หรือเข้าไปในส่วนใดๆของอาคารแล้วแต่ละกรณี

เห็นว่า กทม.ไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งทำพร้อมกันในคราวเดียวกัน ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจตามความเหมาะสม และการออกคำสั่งเพื่อให้ดำเนินการแก้ไขอาคารให้ถูกต้องกับเจ้าอาคาร ได้แก่ เจ้าของห้องในอาคารชุดทุกห้อง และนิติบุคคลอาคารชุดเป็นผู้ดำเนินการแก้ไขอาคาร