“Dow” ผนึกภาคียกระดับกักเก็บคาร์บอนอย่างมีส่วนร่วม หนุนไทยสู่เป้า Net Zero

24 ก.ย. 2565 | 05:31 น.

“Dow” ผนึกภาคียกระดับกักเก็บคาร์บอนอย่างมีส่วนร่วม หนุนไทยสู่เป้า Net Zero เปิดเวทีอนุรักษ์พื้นที่คาร์บอนทะเลลดโลกร้อน

นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหารกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) เปิดเผยว่า Dow ได้ดำเนินการร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.)  และองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN)  เปิดเวทีเสวนาร่วมกับองค์กรภาคีเครือข่าย ภายใต้โครงการ Dow & Thailand Mangrove Alliance ในงาน Blue Carbon Conference 2022 “คาร์บอนทะเล: หนุนธุรกิจสู่ Net Zero เสริมระบบนิเวศและชุมชน”

 

 

ทั้งนี้ เพื่อรวบรวมความเห็นสู่การจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่ออนุรักษ์ป่าชายเลนและหญ้าทะเลอย่างมีส่วนร่วม และแบ่งปันประสบการณ์เพื่อยกระดับการอนุรักษ์ มุ่งส่งเสริมการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์อย่างมีประสิทธิภาพและครบวงจร ตั้งแต่การปลูก ดูแล ใช้ประโยชน์พื้นที่ และการสร้างประโยชน์ของชุมชนอย่างยั่งยืน รวมถึงการคำนวณคาร์บอนเครดิตเข้าสู่มาตรฐานสากล

 

"การดำเนินการดังกล่าวจะสร้างประโยชน์ทั้งทางสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม นอกจากนี้ยังเป็นการรวบรวมความเห็นเพื่อการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายในการอนุรักษ์และนำพาประเทศไทยบรรลุสู่เป้าความเป็นกลางทางคาร์บอนและ Net Zero"

สำหรับเนื้อหานั้น จะครอบคลุมระบบนิเวศคาร์บอนทะเลและนโยบายการฟื้นฟู กลไกคาร์บอนเครดิตภาคทะเลและชายฝั่ง องค์ความรู้เพื่อยกระดับการฟื้นฟูและอนุรักษ์พื้นที่คาร์บอนทะเล ชุมชนกับการบริหารจัดการทรัพยากรและผลประโยชน์จากระบบนิเวศ รวมทั้งบทบาทภาคเอกชนในการอนุรักษ์คาร์บอนทะเลกับการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่คาร์บอนเป็นศูนย์ 

 

กลุ่มบริษัท ดาว ให้ความสำคัญกับการช่วยลดปัญหาโลกร้อน หยุดขยะพลาสติก และส่งเสริมวงจรรีไซเคิลตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน จึงได้ร่วมกับทช.และ IUCN ก่อตั้งเครือข่าย Dow & Thailand Mangrove Alliance ตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งในปัจจุบันเราเป็นภาคีเครือข่ายด้านการอนุรักษ์ระบบนิเวศชายฝั่งที่มีองค์กรเข้าร่วมมากที่สุดในประเทศไทย และมีแผนงานที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงานกับเครือข่ายป่าชายเลนโลก Global Mangrove Alliance ในลำดับต่อไป

 

“Dow” ผนึกภาคียกระดับกักเก็บคาร์บอนอย่างมีส่วนร่วม

 

ดร.ดินโด แคมปิลัน ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชีย และผู้อำนวยการศูนย์กลางภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) กล่าวว่า บลูคาร์บอน คือ การกักเก็บคาร์บอนโดยระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งที่มีประสิทธิภาพกักเก็บสูงกว่าป่าบก 

 

แต่ปัจจุบันทรัพยากรเหล่านี้ถูกทำลายไปมาก จำเป็นต้องมีการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรเหล่านี้เพื่อคงไว้ซึ่งการรักษาระบบนิเวศบริการ จากการกักเก็บคาร์บอน เพื่อให้เกิดประโยชน์ในระยะยาว และเพื่อบรรลุเป้าหมายข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งเป็นไปตามหลักการที่เรียกว่า Nature-based Solution หรือการแก้ปัญหาที่มีธรรมชาติเป็นพื้นฐาน เพื่อให้ธรรมชาติสามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหาที่มนุษยชาติกำลังเผชิญอยู่ เช่น แหล่งเพาะพันธุ์อาหารถูกทำลาย น้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น  ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ล้วนแล้วแต่มาจากปัญหาภาวะโลกร้อน

นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า ได้จัดทำโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต กำหนดเป้าหมายระยะ 10 ปี (ปี2565-2574) เนื้อที่ 300,000 ไร่ ในท้องที่ 23 จังหวัดชายฝั่งทะเล โดยทช. ได้ออกระเบียบเกี่ยวกับการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต สำหรับบุคคลภายนอก และระเบียบการปลูกป่าชายเลยเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิตสำหรับชุมชน พ.ศ. 2565 ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนและชุมชนสามารถยื่นเข้าโครงการ

 

สำหรับในปี พ.ศ. 2565 มีพื้นที่เป้าหมายในการดำเนินการ สำหรับบุคคลภายนอกประมาณ 44,000 ไร่ และสำหรับชุมชนประมาณ 44,000 ไร่ เช่นกัน ซึ่งขณะนี้ ได้รับความสนใจ มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก โดยเมื่อได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการจากทช.แล้ว ผู้เข้าร่วมจะต้องยื่นจดทะเบียนโครงการฯ กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ซึ่งเป็นหน่วยงานประเมินคาร์บอนเครดิต สำหรับการดำเนินโครงการ โดยทช.เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ ในทุกขั้นตอนของการดำเนินการ

 

โครงการนี้นอกจากได้พื้นที่ป่าที่สมบูรณ์กลับคืนมาในระยะเวลาอันรวดเร็ว ยังประหยัดงบประมาณภาครัฐได้ถึงปีละประมาณ 600-700 ล้านบาท อีกทั้งเป็นการสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ดำเนินโครงการ สำหรับกรอบระยะเวลาการดำเนินการ ผู้ร่วมโครงการจะต้องดำเนินการปลูกและบำรุงดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องในระยะ 10 ปีขึ้นไป จะทำให้พื้นที่ป่าชายเลน ที่เสื่อมโทรมได้รับการปลูกฟื้นฟูคืนสู่ความสมบูรณ์และประชาชนใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนต่อไป

 

นอกจากป่าชายเลนยังมีแหล่งหญ้าทะเลซึ่งนับรวมเป็นระบบนิเวศบลูคาร์บอน หญ้าทะเลได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในประเทศไทยในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาในฐานะแหล่งดูดซับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ของประเทศเรา ปัจจุบันเรามีการวิจัยและทดลองปลูกและฟื้นฟูหญ้าทะเลในหลายพื้นที่ซึ่งพบว่าการปลูกหญ้าทะเลให้สำเร็จต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของชุมชน

 

และความเหมาะสมของระบบนิเวศในพื้นที่ ต้องขอบคุณภาคเอกชนหลายๆ องค์กรที่เห็นความสำคัญและร่วมสนับสนุน เช่น กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ที่เป็นแกนนำในการจัดเวทีเสวนาในวันนี้ จากนี้ไปทช. ก็จะเดินหน้าเรื่องหญ้าทะเลต่อไป ซึ่งในอนาคตก็จะมีความชัดเจนเช่นเดียวกับป่าชายเลนที่เราดำเนินการมาก่อนหน้านี้