ไฟไหม้ผับชลบุรี ศาลออกหมายจับ "สมยศ ปั้นประสงค์" เจ้าของเมาท์เท่นบี ตัวจริง

15 ส.ค. 2565 | 10:54 น.

ไฟไหม้ผับชลบุรีศาลออกหมายจับ "สมยศ ปั้นประสงค์" พ่อเสี่ยบี หลังสืบทราบเป็นเจ้าของเมาท์เท่นบีผับ ตัวจริง แต่ใช่ชื่อลูกชายทำกิจการแทน แจ้ง 2 ข้อหา

 

จากเหตุการณ์เพลิงไหม้ผับชลบุรี เมาท์เท่นบี  “Mountain B” ริมถนนสายสุขุมวิท บางนา-ตราด ม.7 ต.พลูตาหลวง  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อเวลา01.25น. ของวันที่ 5 สิงหาคม2565 ที่ผ่านมาเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ในที่เกิดเหตุทันที13รายและในเวลาต่อมามีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นล่าสุด 19 ราย บาดเจ็บ 36 ราย (ข้อมูล ณวันที่ 15 สิงหาคม 2565)

 

โดยก่อนหน้านี้ ศาลจังหวัดพัทยาได้ออกหมายจับ นายพงษ์ศิริ ปั้นประสงค์ หรือ "เสี่ยบี" เจ้าของเมาท์เท่นบี  “Mountain B” วัย28ปี ถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดี 1.ประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ 2.ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

ล่าสุด  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่15 สิงหาคม 2565 ศาลจังหวัดพัทยา ออกหมายจับ นายสมยศ ปั้นประสงค์ อายุ 55 ปี พ่อของ “เสี่ยบี” หรือนายพงศ์ศิริ ปั้นประสงค์ เจ้าของผับเมาท์เท่นบี ( MonntainB )ภายหลังสืบทราบว่าเป็นเจ้าของตัวจริงแต่ใช้ชื่อลูกดำเนินการธุรกิจแทน ในข้อหา

 

1. กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย สาหัส

 

2. ร่วมกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทีมข่าวเนชั่น ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ "เฮียยศ" ได้ชี้แจงกับทีมข่าว ในทุกประเด็นที่ถูกพาดพิง ว่าเป็นผู้มีอิทธิพล อยู่เบื้องหลังการเปิดสถานบันเทิง

 

 

นายสมยศ เล่าว่า ตัวเองยึดอาชีพขายหมูมากว่า 30 ปี เป็นเจ้าใหญ่ที่สุดในพื้นที่ชลบุรีก็ว่าได้ เพราะตัวเองไม่รู้หนังสือ อ่านหนังสือไม่ออก ต้องอาศัยการทำงานหนักเข้าแลก ตื่นตั้งแต่ตี 2 ทุกวัน เงินหมุนเวียนขายหมูวันละ 6-7 แสนบาท แต่ปัจจุบันนี้ยอดขายไม่ถึงแล้ว

 

 

พอทำธุรกิจมาได้ระยะหนึ่ง ก็เริ่มเติบโต ทุกคนก็รู้จักเป็นธรรมดา แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีอิทธิพลอะไร เพราะนักการเมือง ข้าราชการ คงไม่มีใครมาอยากรู้จักคนไม่รู้หนังสือ ส่วนข่าวที่บอกว่าตัวเองไปแจกหัวหมูเป็นร้อยๆ หัวให้ชาวบ้าน เพราะเก็บไว้ก็เสีย ขายไม่ได้ เลยเอาไปแจกชาวบ้านในละแวกนั้น ให้นำไปประกอบอาหารได้ ไม่ได้แสดงอิทธิพลใดๆ ชาวบ้านที่นี่รู้จักตัวเองดี

 

 

 

นายสมยศ เล่าว่า ตนเองได้แต่พร่ำสอน "บี" ลูกชายคนเดียว ให้ร่ำเรียนหนังสือ จะได้ไม่ต้องเป็นเหมือนตัวเอง ที่อ่านเขียนไม่ได้ เลยต้องใช้แรง ใช้ความขยันเข้าสู้ ตัดสินใจส่งชายไปเรียนนิวซีแลนด์ตั้งแต่ ป.1 แต่ก็อยู่ไม่ได้ เพราะลูกคิดถึงครอบครัวพอกลับมา

 

บีลูกชายไม่ได้เรียนหนังสือเหมือนตนเอง แต่อาศัยคำสอนของตัวเอง ว่าต้องรู้จักทำมาหากิน และอย่าให้คนมาดูถูก บีเริ่มจากการทำธุรกิจขายก๋วยเตี๋ยวเรือ จากนั้นพอขายดีเลยมาเปิดเมาท์เท่นบาร์ เเอนด์บริสโท ร้านอาหารแห่งแรก พอขายดี ก็ใช้เงินต่อเงินไปเปิดสถานบริการ เมาท์เทนบี

 

นายสมยศ ย้ำว่า บีกับลูกสะใภ้ ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง สู้กันมาตั้งแต่ยังเด็ก เพราะลูกเองก็อยากมีกิจการเหมือนเด็กในรุ่นเดียวกัน เช่นร้าน เยลโล่ ร้านโกดัง ไม่ได้ใช้อิทธิพลอะไรมาเปิดสถานบริการ ใช้แต่ความอดทน ทำมาหากินตั้งแต่เด็ก อยากให้เข้าใจลูกชายในจุดนี้

 

นายสมยศ ทิ้งท้ายว่า ตั้งแต่บีได้ประกันตัวมา ยังไม่ได้พูดคุยกัน เพราะบีเป็นคนไม่ค่อยพูด มีปมตั้งแต่ที่ตนเอง ส่งไปเรียนเมืองนอกแต่ยังเล็ก แต่ช่วงวันเกิดเหตุ บีโทรมาหาตอนแรกก็ไม่ได้รับ เพราะต้องไปขายหมูตั้งแต่ตี 2 พอโทรมาอีกครั้ง รีบไปหาลูกที่เกิดเหตุ ก็พากันร้องไห้ เสียใจกับลูกชายและลูกสะใภ้ เรื่องค่าชดใช้ต่างๆ ยืนยันว่าลูกชายไม่หนี จะชดใช้ให้ทุกคนอย่างแน่นอน