“เจ้าท่า” ซุ่มศึกษา 3 โปรเจ็กต์ท่าเรือสำราญ บูมสมุย-กระบี่-ชลบุรี

09 ส.ค. 2565 | 09:56 น.

“เจ้าท่า” ลุยศึกษา 3 โปรเจ็กต์ท่าเรือสำราญ รุกสมุย-กระบี่-ชลบุรี วงเงิน 156 ล้านบาท หวังอัพเกรดท่าเรือ เชื่อมโยงขนส่งท่องเที่ยวทางน้ำ สร้างรายได้ประเทศ

นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านปลอดภัย กรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า กรมเจ้าท่าได้รับจัดสรรงบประมาณ พ.ศ. 2563 - 2566 ภายใต้แผนงานบูรณาการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเรือสำราญ พ.ศ. 2561 - 2570 ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วงเงินรวม 156.15 ล้านบาท เพื่อพัฒนาท่าเรือรองเรือรับสำราญขนาดใหญ่ (Cruise) จำนวน 3 โครงการ ครอบคลุมทุกเส้นทาง การเดินเรือสำราญขนาดใหญ่ผ่านประเทศไทย ทั้งฝั่งทะเลอ่าวไทย และ อันดามัน ผลการศึกษามีความเป็นไปได้ในการพัฒนาท่าเรือใน 3 พื้นที่ ได้แก่ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดกระบี่ และจังหวัดชลบุรี

 

“เจ้าท่า” ซุ่มศึกษา 3 โปรเจ็กต์ท่าเรือสำราญ บูมสมุย-กระบี่-ชลบุรี

นายภูริพัฒน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันกรมฯได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาฯ ให้ดำเนินการศึกษาทั้งในส่วนการศึกษาวิเคราะห์ คัดเลือกพื้นที่ที่มีความเหมาะสม พร้อมศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ สถาปัตยกรรม วิศวกรรม สิ่งแวดล้อม โดยทั้ง 3 โครงการฯ ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนแล้ว โดยมีความคืบหน้าการดำเนินการในแต่ละโครงการฯ ดังนี้

 

“เจ้าท่า” ซุ่มศึกษา 3 โปรเจ็กต์ท่าเรือสำราญ บูมสมุย-กระบี่-ชลบุรี

1. โครงการศึกษาและวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญ ขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งจากผลการศึกษาเดิมพบว่าที่ตั้งที่เหมาะสม ของท่าเรือ ได้แก่ บริเวณแหลมหินคม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผลงานสะสมถึงเดือนมิถุนายน 2565 ร้อยละ 80 อยู่ระหว่างการพิจารณาร่างหลักเกณฑ์ของโครงการร่วมลงทุนและ ร่างรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน  
 

2. โครงการศึกษาวางแผนแม่บทเพื่อพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) และสำรวจออกแบบ ท่าเรือสำราญขนาดใหญ่บริเวณชายฝั่งอันดามัน ได้ข้อสรุปผลการคัดเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมบริเวณอ่าวแหลมป่อง หมู่ที่ 3 ตำบลหนองทะเล อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ โดยพัฒนาเป็นท่าเรือต้นทาง (Home Port) รองรับเรือขนส่งผู้โดยสารไม่เกิน 1,500 คน และเป็นท่าเรือแวะพัก ( Port of call) สำหรับรองรับเรือขนส่งผู้โดยสาร 3,500 - 4,000 คน ผลงานสะสม ถึงเดือนมิถุนายน 2565 ร้อยละ 50 อยู่ระหว่างการออกแบบท่าเรือ และกำหนดรูปแบบการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน

“เจ้าท่า” ซุ่มศึกษา 3 โปรเจ็กต์ท่าเรือสำราญ บูมสมุย-กระบี่-ชลบุรี

 

3. โครงการศึกษาสำรวจออกแบบ ท่าเรือต้นทาง (Home Port) สำหรับเรือราญขนาดใหญ่ (CruiseTerminal) บริเวณอ่าวไทยตอนบน ได้ข้อสรุปที่เหมาะสม ในการพัฒนาท่าเรือบริเวณแหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ท่าเรือ เป็นลักษณะผสมผสาน (Hybrid) คือเป็นท่าเรือต้นทาง (Home Port) รองรับเรือขนส่งผู้โดยสาร ไม่เกิน 1,500 คน และ เป็นท่าเรือแวะพัก ( Port of call) สำหรับรองรับเรือขนส่งผู้โดยสาร 3,500-4,000 คน ผลงานสะสมถึงเดือนมิถุนายน 2565 ร้อยละ 60.00 โดย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบท่าเรือ และกำหนดรูปแบบการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน

“เจ้าท่า” ซุ่มศึกษา 3 โปรเจ็กต์ท่าเรือสำราญ บูมสมุย-กระบี่-ชลบุรี

 

นอกจากนี้โครงการฯอยู่ระหว่างการจัดทำร่างรายงานวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมลงทุนฯ เพื่อนำเสนอสำนักงานคณะกรรมการ นโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการฯ ต่อไป
 

 สำหรับแนวคิดในการพัฒนาท่าเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่นี้ เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับกลางถึงระดับสูง ที่มีการใช้จ่ายเงินในการท่องเที่ยวจำนวนมาก สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศ และระบบเศรษฐกิจสูง การศึกษาฯ คำนึงถึงความเป็นไปได้ ที่จะพัฒนาให้มีท่าเรือต้นทาง (Home Port) ในประเทศไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวจะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยล่วงหน้า เพื่อที่จะลงเรือเริ่มต้นเส้นทางท่องเที่ยวทางทะเล หรือขึ้นจากเรือเมื่อสิ้นสุดการเดินทางและท่องเที่ยวต่อในประเทศไทย ก่อนเดินทางกลับ พร้อมพัฒนาให้มีท่าเรือแวะพัก (Port of call) ที่จะเป็นท่าเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ที่มีเส้นทางเดินเรือ ผ่านประเทศไทย ทั้งฝั่งทะเลอ่าวไทย และอันดามัน อันจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในธุรกิจท่องเที่ยว การบริการและธุรกิจต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดย่อม ไปถึงผู้ค้า ผู้ให้บริการรายย่อย การออกแบบท่าเรือจะนำเอาแนวคิดที่เป็นอัตลักษณ์ ของประเทศไทยและท้องถิ่นมาผสมผสาน เพื่อให้ท่าเรือมีความโดดเด่นเป็นแลนด์มาร์คแห่งท้องทะเลไทย”

“เจ้าท่า” ซุ่มศึกษา 3 โปรเจ็กต์ท่าเรือสำราญ บูมสมุย-กระบี่-ชลบุรี

 

ทั้งนี้ประเทศไทยมีธรรมชาติทางทะเลที่สวยงามติดอันดับโลก ตลอดจนวัฒนธรรม ประเพณี ธรรมชาติ และแหล่งท่องเที่ยวบนฝั่งที่งดงาม หากแต่ยังไม่มีท่าเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ที่เหมาะสม มีสิ่งอำนวยความสะดวก ปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสารลดเวลาในการขึ้น - ลง จากเรือ เพื่อให้มีเวลาในการท่องเที่ยวมากขึ้น ดังนั้น หากมีท่าเรือที่เหมาะสม จะช่วยดึงดูดให้เรือสำราญขนาดใหญ่ เข้ามาจอดเทียบ สร้างรายได้ให้กับประเทศ ดังที่กล่าวข้างต้น โดยการก่อสร้างท่าเรือ จะทำภายใต้พระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562

 

“เจ้าท่า” ซุ่มศึกษา 3 โปรเจ็กต์ท่าเรือสำราญ บูมสมุย-กระบี่-ชลบุรี

ที่ผ่านมาการพัฒนาท่าเรือเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งาน ทั้งด้านการค้า การขนส่ง การสัญจรทางน้ำ เชื่อมโยง กับระบบขนส่งอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวทางน้ำ สร้างรายได้ให้ประเทศ กรมเจ้าท่า ได้เล็งเห็นแล้วว่า ก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด - 19 การท่องเที่ยวโดยเรือสำราญมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น สามารถ สร้างรายได้ให้ประเทศเป็นอย่างมาก ดังนั้น เพื่อให้มีการพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญเพื่อการท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ และ ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการเดินทางท่องเที่ยวโดยเรือสำราญที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล สามารถ สร้างรายได้ให้ประเทศ