ไทยลุยตลาดจีนทดแทนสินค้าไต้หวัน จัดเจรจาการค้าออนไลน์ 24-25 สิงหานี้

05 ส.ค. 2565 | 08:34 น.

 จุรินทร์ สั่งทูตพาณิชย์ลุยตลาดจีนทดแทนสินค้าไต้หวัน พร้อมจัด OBM ทันที 24-25 สิงหา นี้ ย้ำไม่ใช่การฉวยโอกาสทางการค้า แต่เป็นการมองหาโอกาสในการดันส่งออกไทยให้ขยายตัวตามเป้า4%

นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าหลังจากที่ทางรัฐบาลจีนสั่งห้ามนำเข้าสินค้าบางรายการจากไต้หวัน   ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ของไทยที่ประจำอยู่ในจีนสำรวจว่ามีรายการสินค้าในหมวดไหนบ้างที่ประเทศไทยสามารถส่งสินค้าไปยังจีนเพื่อชดเชยสินค้าไต้หวันที่ไม่สามารถส่งออกไปยังจีนได้

นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

“ไม่ใช่เรื่องของการฉวยโอกาสแต่อย่างใด แต่ถือเป็นภารกิจในการเพิ่มตัวเลขส่งออกในทุกช่องทางที่สามารถทำได้ ซึ่งทางทูตพาณิชย์ในจีนได้ข้อสรุปร่วมกันว่าสินค้าไทยที่สามารถส่งออกไปยังตลาดจีน เพื่อชดเชยตลาดของไต้หวัน มีหมวดสำคัญคืออาหารกับเครื่องดื่ม ซึ่งอาหารประกอบด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลาสดแช่แข็ง ขนมขบเคี้ยว ผลไม้รวมทั้งเครื่องดื่มหลากหลายรูปแบบ”

 

 

ไทยลุยตลาดจีนทดแทนสินค้าไต้หวัน จัดเจรจาการค้าออนไลน์ 24-25 สิงหานี้

นอกจากนี้ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเร่งจัด OBM (Online Business Matching )จับคู่ธุรกิจ ในหมวดสินค้าสำคัญของไทย เพื่อเจรจาการค้ากับผู้นำเข้าของจีนจะมีการจัด OBM ขึ้นในช่วงวันที่ 24-25 สิงหาคม 2565 ขณะนี้มีผู้ส่งออกไทยตอบรับเข้าร่วมแล้ว 150 รายและมีผู้นำเข้าจากจีนและฮ่องกง 200 รายร่วมเจรจา หวังว่าตัวเลขการส่งออกของไทยจะเพิ่มขึ้นจำนวนหนึ่ง

ไทยลุยตลาดจีนทดแทนสินค้าไต้หวัน จัดเจรจาการค้าออนไลน์ 24-25 สิงหานี้

สำหรับการนำเข้า-ส่งออกของไทย ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาเป็นกรณีเฉพาะจีนกับไต้หวัน การจัดงานOBM เจรจาการค้าครั้งนี้ เพราะไทยต้องการเพิ่มตัวเลขนำเงินเข้าประเทศเหมือนกัน เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่จะต้องเข้าไปบริหารจัดการตามสถานการณ์ที่เหมาะสม

ไทยลุยตลาดจีนทดแทนสินค้าไต้หวัน จัดเจรจาการค้าออนไลน์ 24-25 สิงหานี้

สำหรับตลาดทั่วโลกที่เป็นตลาดใหม่และจะเป็นช่องทางขยายการส่งออกสินค้าของไทยในสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ได้ดำเนินการอยู่ มีการเจาะตลาดใหม่หลายตลาด ซึ่งมีการดำเนินการไปแล้ว ตัวเลขการส่งออก 6 เดือนแรกของเราปีนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีมาก ตัวเลขเป็นบวกถึง 12.9% ในภาพรวม และสามารถทำเงินเข้าประเทศแตะ 5 ล้านล้านบาท เฉพาะครึ่งปีแรก ปีนี้จะได้เกินเป้าค่อนข้างแน่นอน ซึ่งปีที่แล้วทั้งปีเราได้ 8.5 ล้านล้านบาท