Easy Rice ลุยใช้ AI หนุนชาวนา-โรงสี-ผู้ส่งออก สู้ศึกข้าวโลกยุคดิจิทัล
Easy Rice ดัน AI หนุนชาวนา-โรงสี-ผู้ส่งออกข้าวไทย สู้ศึกผลิต-ค้าข้าวโลกยุคใหม่ คาดการณ์แม่นยำทั้งผลผลิต คุณภาพ และความต้องการของตลาดโลก ชิงความได้เปรียบคู่แข่งขัน ตอบโจทย์ Net Zero - Food Waste ระบุค่าใช้จ่ายในการประมวลผลถูกกว่าฝรั่งกว่า 20 เท่า
ในงานสัมมนา Virtual Seminars : Innovation Keeping the World : Rethink Recover นวัตกรรมรักษ์โลก ช่วงเสวนา Rethink Recover คิดใหม่เพื่อโลก : Innovation for Zero Waste
นายภูวินทร์ คงสวัสดิ์ ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Easy Rice (Easy Rice Technology Co., Ltd) บริษัทเทคโนโลยีดิจิทัล โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI)ในการทำให้กระบวนการผลิตอาหารหลักของประชากรโลก ให้มีความรวดเร็ว แม่นยำ น่าเชื่อถือ ตรวจสอบได้ กล่าวว่า บริษัทเป็น AI สัญชาติไทย ที่ใช้ AI ในการตรวจสอบในเรื่องของสารอาหาร พันธุ์ข้าว และคุณภาพข้าว ซึ่งขณะนี้แม้บริษัทจะมาทีหลังบริษัทจากญี่ปุ่น จากเยอรมนี แต่บริษัทผู้นำในอุตสาหกรรมนี้
ทั้งนี้อาหารหลักในการบริโภคของโลก มีข้าว ข้าวโพด ข้าวสาลี ซึ่งจุดเริ่มต้นของบริษัท เริ่มจากข้าวที่เป็นอาหารหลักของคนไทยก่อน เพราะข้าวมีผลกับประเทศไทยมาก เนื่องจากจำนวนเกษตรกรที่เกี่ยวข้องมีมากถึง 10 ล้านครัวเรือนที่ปัจจุบันในกระบวนการตีราคารับซื้อ กระบวนการตรวจสอบคุณภาพก่อนชาวนาขายข้าวยังใช้คนในการตรวจสอบและในการตัดสินใจอยู่
ประเด็นคือการใช้คนในการตัดสินใจมีข้อเสียหลายอย่าง เช่น ในการตีราคารับซื้อ การตัดสินใจมี 3 เรื่องที่ทางโรงสีจะพิจารณาจากชาวนาที่นำข้าวเปลือกมาขาย คือ ดูเปอร์เซ็นต์ข้าวแตกหัก ดูความชื้น และดูสิ่งเจือปน ซึ่งทั้งหมดต้องดูด้วยตามนุษย์ เวลานี้เป็นศตวรรษที่ 20 แล้วก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ การใช้สายตาดูก่อให้เกิดข้อเสียทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย หากสายตาไม่ดีอาจจะตีราคาผิดพลาด เกษตรกรอาจขาดทุน
การเข้ามาของเทคโนโลยีจะทำให้การค้าขายเป็นธรรมมากขึ้นทั้งผู้ซื้อผู้ขาย ซึ่งเทคโนโลยี AI ที่เป็นเทคโนโลยี 4.0 จะเข้ามาแทนการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ เป็นดิจิทัลเทคโนโลยี เป็นข้อมูลที่สามารถจัดเก็บได้ เช่น ปริมาณผลผลิตที่เกษตรกรผลิตได้ ราคา คุณภาพข้าวเป็นอย่างไรบ้าง สามารถนำเอาข้อมูลเหล่านี้มาผนวกกับข้อมูลสารสนเทศอื่น ๆ เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม Activity เกษตรกร สามารถปรับให้แมชชิ่งได้ว่า จะปลูกอย่างไรให้มีผลผลิตที่เพิ่มขึ้นได้ ปัจจัยใดบ้างเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อราคา ปัจจัยใดบ้างที่สำคัญต่อคุณภาพ
“เราจะพลิกจากข้อมูลเหล่านี้ให้เกษตรกรทำการปลูกข้าวให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น อีกในแง่สำคัญหนึ่ง ขณะนี้ดีมานต์ของต่างประเทศค่อนข้างจะเปลี่ยนไปแล้ว ต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นยุโรป หรืออเมริกา มีความสนใจเรื่องของ Net Zero (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์) และ Food Waste (ขยะอาหาร) ผู้ส่งออกเริ่มเจอคำถามว่าคุณจะส่งออกโรงงานคุณมีการทำ Net Zero มั้ย ซึ่งแน่นอนในไม่ช้าจะถึงเกษตรกร หากเรายังไม่มีการปรับโครงสร้างพื้นฐานให้รองรับกับดีมานต์โลกหรือกติกาโลก ไทยก็จะแข่งขันยาก”
ทาง Easy Rice ตั้งใจจะจัดเตรียมเทคนิคสารสนเทศต่อขบวนการในการเตรียมตัว ในการขายข้าวไทยในอนาคตเพื่อรองรับ Net Zero เรื่องสารอาหาร การปรับปรุงคุณภาพข้าวตั้งใจจะช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับเกษตรกรและอุตสาหกรรมข้าวไทยในภาพรวม
ทั้งนี้บริษัทพัฒนา AI จะมีเรื่องของการประมวลผล ซึ่งในส่วนประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย หรือเวียดนาม กำลังซื้อต่ำกว่าชาติที่พัฒนาแล้ว หากมีการใช้เทคโนโลยีที่มาจากต่างประเทศเกษตรกรกลุ่มเล็ก ๆ จะไม่สามารถรองรับค่าใช้จ่ายได้ ซึ่ง Easy Rice มองว่า ตรงนี้เป็นปัญหา เพราะการเข้าถึงเทคโนโลยีของเกษตรกรจะต้องเข้าถึงได้ จึงได้มีการวิจัยเพื่อทำให้การประมวลผลถูกลง 20 เท่า และเกษตรกรสามารถเข้าถึงได้ และจะช่วยสะท้อนข้อมูลที่แท้จริงที่เกษตรกรต้องปรับปรุงได้ เช่น ข้าวของนาย A ที่มาขายให้โรงสีที่ยังแตกหักมากให้ไปปรับปรุงวิธีการปลูก ซึ่งจะให้ผลผลิตที่ดีขึ้น รวมถึงช่วยโรงสีในการปรับปรุงขบวนการผลิตให้ดีขึ้น
“Easy Rice ทำเรื่อง AI ที่เป็นดิจิทัลเทคโนโลยี สามารถเก็บข้อมูลสำคัญได้ เช่นเรามีการจัดเก็บข้อมูลว่า ข้อมูลของเกษตรกรผลิตได้ปริมาณเท่าไร คุณภาพเป็นอย่างไรบ้าง พันธุ์อะไร และราคาขายคิดว่าจะได้เท่าไหร่ โดย Easy Rice ได้รับการลงทุนจาก AI and Robotics Ventures ที่เป็นบริษัทลูกของ ปตท.สผ. ที่เขาจะมีเทคโนโลยีที่เป็นแซทเทิลไลท์ คือเราจะนำกิจกรรมที่เกษตรกรทำว่ามีกิจกรรมอะไรบ้าง ใส่ปุ๋ยอะไรบ้าง มีแปลงนาลักษณะแบบไหนบ้าง มาผนวกกับข้อมูลที่เราเก็บได้ในเรื่องของคุณภาพ วอลุ่ม และราคา เราสามารถใช้ AI คาดการณ์ได้ว่า แปลงนาแบบนี้คุณจะขายได้ราคาเท่าไหร่ คุณอยากได้ราคาที่มันมากขึ้น อยากได้คุณภาพที่ดีขึ้น คุณต้องปรับปรุงอย่างไรบ้าง ซึ่ง AI ยิ่งมีข้อมูลมาก ยิ่งคาดการณ์ได้แม่นยำ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มมีการเก็บข้อมูลไปแล้ว ซึ่งเราล้อนช์ไปที่จังหวัดอุบลราชธานี”
ขณะที่ข้อมูลอีกส่วนหนึ่งของบริษัทอยู่ที่ผู้ส่งออกข้าว และผู้นำเข้าข้าวซึ่งได้ขยายการดำเนินการไปที่อังกฤษแล้ว ซึ่งจะดูว่าดีมานต์ข้าวในอนาคตจะเป็นรูปแบบใด และเขากำลังจะซื้ออะไรบ้าง ซึ่งข้อมูลที่สำคัญคือ เกษตรกรของไทยควรรู้ว่าควรที่จะปลูกข้าวอะไร และมีตลาดรองรับ