“สนธิรัตน์”เตือน"เศรษฐกิจถดถอย”แนะแนวทางแก้ต้องแม่นยำ ทันสถานการณ์

10 ก.ค. 2565 | 07:35 น.

“สนธิรัตน์”ชี้ความไม่แน่นอนในเรื่องราคาน้ำมันยังคาดเดาได้ยากต้องพร้อมตั้งรับ การค้าขายทำมาหาเลี้ยงชีพ สภาวะข้าวของแพง แรงกดดันจากหนี้สิน ทำ“เศรษฐกิจถดถอย”กระทบยาวถึงปลายปีนี้  แนะแนวทางแก้เศรษฐกิจต้องแม่นยำและทันสถานการณ์

วันนี้(10 ก.ค.65) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า สัปดาห์นี้ข่าวคราวเรื่องปากท้อง ที่ผมเอามาเล่านี่ก็เป็นเรื่องพลังงาน ครับ


“ราคาน้ำมัน สัปดาห์นี้นี่ขึ้นลงเหมือนขึ้นรถไฟเหาะเลยครับ”


ในต้นเดือนปรับเปลี่ยนขึ้นลงไปแล้วมากกว่า 3 ครั้ง ทำเอานักวิเคราะห์คาดเดากันแทบไม่ทัน

ที่น่าสนใจราคาตลาดน้ำมันในช่วง 2-3 วันมานี้ ลดลงและต่ำสุดในรอบ 12 สัปดาห์ อยู่ที่ 98.53 ดอลลาร์/บาร์เรล สำหรับน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ลบ 1 %

 

ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดที่ 100.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ลบ  2 %  น้ำมันดิบดูไบ ปิดที่ 101.52 ลบ 9 %   (6 ก.ค. 65) 

 

เราจึงเห็นราคาน้ำมันดิบปรับลด 3 บาท และ 1.50 บาท สำหรับแก๊สโซฮอลล์ในสองสามวันที่ผ่านมา

ขณะที่อีกวัน (7 ก.ค. 65) ราคากลับดีดตัวขึ้นมาอีกหลังจากท่อส่งน้ำมัน Caspian Pipeline Consortium (CPC) ถูกระงับลง 30 วัน ส่งผลให้ตลาดกังวลเรื่องอุปทานที่จะตึงตัวหลังจากนี้  


ผลดังกล่าวทำตลาดน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส และ เบรนท์ ปรับเพิ่มขึ้น 3-4 % ภายในวันเดียว!!! 


ความกังวลเหล่านี้จะมีอยู่อย่างต่อเนื่องแน่นอนครับ ปัจจัยเสริมที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างความขัดแย้งรัสเซีย ยูเครน ที่คาดว่าจะยังไม่จบง่ายๆ รวมถึงสถานการณ์ในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบ อย่าง รัสเซีย และ อิหร่าน 


ความไม่แน่นอนในเรื่องราคาน้ำมันยังคาดเดาได้ยากต้องพร้อมตั้งรับกันครับ


ความกังวลหลักตอนนี้ และคาดว่าจะส่งผลกระทบถึงปลายปีนี้ คือ สภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) หลัง ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายกว่า 0.75% เพื่อมุ่งลดภาวะเงินเฟ้อจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น และคาดว่าหลายๆ ประเทศ คงใช้วิธีทำนองเดียวกันในการสกัดปัญหานี้

                              “สนธิรัตน์”เตือน"เศรษฐกิจถดถอย”แนะแนวทางแก้ต้องแม่นยำ ทันสถานการณ์
ความถดถอยที่ว่า เป็นสภาวะที่เศรษฐกิจโตช้า กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง เช่น มีการจับใช้จ่ายสอยน้อยลง เพราะของแพง การเดินทางน้อยลง เพราะออกจากบ้าน 1 ครั้ง ต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะ กระทบไปถึงภาคผลิต ของแพงก็ขายได้น้อย ต้องลดต้นทุนลงสินค้าบางอย่าง กำไรที่มีน้อยการจ้างงานก็ลดลง คนว่างงานก็เพิ่มขึ้น เหล่านี้คือสิ่งที่เรียกว่า “สภาวะเศรษฐกิจถดถอย”


ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์เพิ่งประกาศออกมาว่า เงินเฟ้อบ้านเรา สูงถึง 7.66% ถ้าเทียบจากปีก่อนหน้า นั่นหมายความว่า ปีที่แล้วกับปีนี้ พี่น้องประชาชนจับจ่ายของที่แพงขึ้นเป็นเท่าตัวจากเลยครับ จาก ร้อยละ 99.93 เป็น 107.58 ในปีนี้ โดยสำหรับหมวดสินค้าที่ดันให้ราคาข้าวของแพงขึ้น แน่นอนครับว่า เป็นสินค้าในกลุ่มพลังงาน และ อาหาร


จากสถานการณ์ทั้งหมดคงเป็นครึ่งปีหลังของความไม่แน่นอนของการค้าขายทำมาหาเลี้ยงชีพ สภาวะข้าวของแพง แรงกดดันจากหนี้สิน แนวทางแก้เศรษฐกิจที่แม่นยำและทันสถานการณ์บนงบประมาณที่จำกัดของรัฐบาลคือความท้าทายบนความทุกข์ของประชาชนครับ


#พรรคสร้างอนาคตไทย


#สนธิรัตน์


#เก็บมาฝากเรื่องปากท้อง