สารวัตรเกษตร-ตร.บุกโคราช อายัดของค่า 2 แสน ขายชีวภัณฑ์ไม่ขึ้นทะเบียน

21 มิ.ย. 2565 | 12:20 น.

สารวัตรเกษตร กรมวิชาการเกษตร แท็กทีม ตำรวจ นำหมายค้นศาลบุกบริษัทขายเคมีเกษตรเมืองโคราช ใช้ช่องทางออนไลน์ขายชีวภัณฑ์ไม่ขึ้นทะเบียนและไม่แจ้งดำเนินการผลิต ผิด พ.ร.บ.วัตถุอันตราย อายัดผลิตภัณฑ์ 6 รายการ พร้อมยึดวัตถุดิบและอุปกรณ์การผลิตอีก 12 รายการ ค่ากว่า 2 แสนบาท

 

นายระพีภัทร์  จันทรศรีวงศ์   อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  เปิดเผยว่า จากนโยบายของนางสาวมนัญญา  ไทยเศรษฐ์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตร กรมวิชาการเกษตร พลิกโฉมการปฏิบัติหน้าที่โดยเข้าไปดูแล ให้คำแนะนำ เกษตรกรได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่ถูกต้อง  พร้อมกับให้ออกตรวจร้านค้าปัจจัยการผลิตทางการเกษตรอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้เกษตรกร

 

ล่าสุดได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตรได้ร่วมกับเจ้าพนักงานตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (กก.2 บก.ปคบ.) นำหมายค้นศาลจังหวัดนครราชสีมาเข้าตรวจค้น บริษัท สวนพัชรา จำกัด  ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา

 

ระพีภัทร์  จันทรศรีวงศ์

 

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก  เจ้าพนักงานตำรวจได้ตรวจสอบ แอพพลิเคชั่น Facebook https://www.facebook.com/somchate004/ พบบัญชีผู้ใช้ชื่อ บิวเวอเรีย สวนพัชรา มีการโพสต์ขายผลิตภัณฑ์สินค้าเคมีทางการเกษตร ซึ่งเข้าข่ายเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าที่เป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ให้สายลับสั่งซื้อผลิตภัณฑ์สินค้าเชื้อราบิวเวอเรีย ขนาดบรรจุ 1 ลิตร ในราคา 250 บาท และได้ส่งให้กรมวิชาการเกษตรตรวจสอบพบว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 2  ต้องขอขึ้นทะเบียนและแจ้งก่อนการผลิต 

 

จากการเข้าตรวจค้น บริษัท สวนพัชรา จำกัด  พบผลิตภัณฑ์ต้องสงสัยว่าเป็นวัตถุอันตราย ชนิดที่ 2 ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 จำนวน 6 รายการ ได้แก่

 

สารวัตรเกษตร-ตร.บุกโคราช อายัดของค่า 2 แสน ขายชีวภัณฑ์ไม่ขึ้นทะเบียน

 

1.ผลิตภัณฑ์ไตรโคเดอร์มา ชนิดน้ำ สำหรับป้องกัน กำจัด และควบคุมแมลงศัตรูพืช ขนาดปริมาตร 1.5 ลิตร บรรจุในกระป๋องพลาสติด ทรงกลม จำนวน 42 ขวด

 

2. ผลิตภัณฑ์ไตโคเดอร์มา ชนิดผง สำหรับป้องกัน กำจัด และควบคุมแมลงศัตรูพืช ขนาดปริมาตร 1,000 กรัม จำนวน 6 ถุง ขนาดปริมาตร 500 กรัม จำนวน 22 ถุง ขนาดปริมาตร 100 กรัม จำนวน 42 ถุง และขนาดปริมาตร 50 กรัม จำนวน 28 ถุง บรรจุในซองฟอยด์

 

สารวัตรเกษตร-ตร.บุกโคราช อายัดของค่า 2 แสน ขายชีวภัณฑ์ไม่ขึ้นทะเบียน

 

3. ผลิตภัณฑ์หัวเชื้อ เมตาไรเซียม สำหรับป้องกัน กำจัด และควบคุมแมลงศัตรูพืช ขนาดปริมาตร 1 ลิตร บรรจุในกระป๋องพลาสติก ทรงสี่เหลี่ยม สีขาว จำนวน 13 กระป๋อง

 

4. ผลิตภัณฑ์เชื้อราบิวเวอเรีย สำหรับป้องกัน กำจัด และควบคุมแมลงศัตรูพืช ขนาดปริมาตร 1 ลิตร บรรจุในกระป๋องพลาสติก ทรงสี่เหลี่ยม สีขาว จำนวน 17 กระป๋อง

 

สารวัตรเกษตร-ตร.บุกโคราช อายัดของค่า 2 แสน ขายชีวภัณฑ์ไม่ขึ้นทะเบียน

 

5. ผลิตภัณฑ์ บิวต้าที  ชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช แมลง ด้วง หนอน เพลี้ย ไร ขนาดปริมาตร 1 ลิตร บรรจุในกระป๋องพลาสติก ทรงสี่เหลี่ยม สีขาว จำนวน 10 กระป๋อง

 

6. ผลิตภัณฑ์ จุลินทรีย์บีที  ชนิดน้ำ สำหรับป้องกัน กำจัด และควบคุม แมลงศัตรูพืช ขนาดปริมาตร 1 ลิตร บรรจุในกระป๋องพลาสติก ทรงสี่เหลี่ยม สีขาว จำนวน 12 กระป๋อง

 

สารวัตรเกษตร-ตร.บุกโคราช อายัดของค่า 2 แสน ขายชีวภัณฑ์ไม่ขึ้นทะเบียน

 

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวไม่มีใบรับแจ้งการดำเนินกิจการผลิตวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 และไม่มีใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายการขึ้ทะเบียนวัตถุอันตรายโดยจากการสอบถามกรรมการผู้จัดการ บจก.สวนพัชรา แจ้งว่าได้จดทะเบียนประเภทบริษัทจำกัด ผลิตภัณฑ์เชื้อราบิวเวอเรีย เป็นสินค้าของ บริษัท สวนพัชรา จำกัด เพื่อขายให้กับเกษตรกรทั่วไปและขายผ่านสื่อออนไลน์  โดยขนาดบรรจุ 1 ลิตร  ราคา 250 บาท  เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้อายัดผลิตภัณฑ์รายการที่  1- 6 ไว้ในที่เกิดเหตุ  และเจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตร ได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์เพื่อส่งตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการของกองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร  กรมวิชาการเกษตรต่อไป  

 

สารวัตรเกษตร-ตร.บุกโคราช อายัดของค่า 2 แสน ขายชีวภัณฑ์ไม่ขึ้นทะเบียน

 

“จากการเข้าตรวจสอบพบวัตถุอันตรายที่ต้องสงสัยจำนวน 6 รายการ วัตถุดิบและอุปกรณ์การผลิต จำนวน 12 รายการ  รวมทั้งสถานที่ดังกล่าวไม่มีใบรับรองแจ้งการผลิตวัตถุอันตราย และไม่มีใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายชนิดที่ 2  รวมมูลค่าของกลางกว่า 200,000 บาท  ความผิดในเบื้องต้นคือผลิตวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 โดยไม่ได้แจ้งดำเนินการและไม่ได้ขึ้นทะเบียน  ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้อายัดวัตถุอันตรายที่ผิดกฎหมาย รวมถึงวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องไว้ทั้งหมดเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  กล่าว