“สามารถ” มั่นใจธุรกิจฟื้นตัวได้ดีในปี 65

01 มิ.ย. 2565 | 07:26 น.

กลุ่มสามารถ ตั้งเป้าได้งานโครงการใหม่ในปี 65 มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท Q1เซ็นต์สัญญาไปแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท เปิดตัว LUCKY Heng Heng ธุรกิจสายมู เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาธุรกิจใหม่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มสามารถในช่วงไตรมาสแรกของปี 65 นับว่าเป็นไปตามคาด โดยมีผลงานเด่น คือ การติดตั้งและส่งมอบโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้าประเภทสุราแช่ชนิดเบียร์ ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศ

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาธุรกิจใหม่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น

ซึ่งมีมูลค่าโครงการรวม 8,000 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเริ่มให้บริการพิมพ์รหัสควบคุมบนบรรจุภัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. เป็นต้นมา ทำให้บริษัทเริ่มทยอยรับรู้รายได้

 

โดยในปีนี้จะมีรายได้ทั้งสิ้นประมาณ 600 ล้านบาท ในขณะที่สายธุรกิจ U-Trans โดยเฉพาะ CATS ส่งสัญญาณบวกของการฟื้นตัวอย่างชัดเจน จากจำนวนเที่ยวบินในไตรมาสแรกที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 38% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ส่วนสายธุรกิจ ICT ก็มีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นเช่นกัน โดยในปีนี้เราตั้งเป้าชนะโครงการประมาณ 11,000 ล้านบาท แค่เฉพาะไตรมาสแรก มีการเซ็นต์สัญญาใหม่ไปแล้ว มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท ส่งผลให้มี Backlog ณ สิ้นไตรมาสแรกสูงถึง 8,000 ล้านบาท

 ทั้งนี้บริษัทมุ่งนำเสนอ 4 โซลูชั่นมาแรง 1. Financial and Banking Solution ที่จะมีการขยายสาขา Smart Branch Outsourcing ในเฟสต่อไป 2. Solutions for Utility Sector ที่จะมีการจัดหา e-Meter สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยทั่วประเทศ และการขยายฐานลูกค้า ERP ไปยังกลุ่ม Utility Sector อื่นๆ  3. E- Payment Solution ที่จะนำเสนอ Platform ที่เชื่อมทุก Wallet รองรับได้ทุก Platform ชำระเงินได้ทุก Merchant และ 4 Cyber-Security Solution ที่กำลังขยายฐานลูกค้าเข้าสู่ กลุ่ม Utility กลุ่มธนาคารและอื่นๆ

ส่วนสายธุรกิจ Samart Digital (SDC) กระจายความเสี่ยงและสร้างสมดุลย์ให้กับพอร์ตธุรกิจด้วย 2 สายธุรกิจ คือ Digital Trunk Radio System (DTRS) เน้นสร้างรายได้ประจำจากค่าใช้บริการรายเดือนและค่าเช่าเครื่องลูกข่าย ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้บริการจาก 2 หน่วยงาน คือกระทรวงมหาดไทย และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 85,000 เครื่องคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 115,000 เครื่องในสิ้นปีนี้   

อีกหนึ่งธุรกิจ คือ Digital Content & Service  เน้นสร้างรายได้เติบโตตาม Digital Trend & Lifestyle ของคนยุคใหม่ โดยจะส่งผ่าน Content และบริการสายมู สายกีฬา และ Lifestyle ไปสู่ผู้บริโภคผ่าน Application ที่ครบครันและง่ายต่อการใช้งาน นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดตั้งบริษัท LUCKY Heng Heng ขึ้น โดยใช้รูปแบบการระดมทุนและการบริหารงานแบบ Start up  เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและรองรับการทำงานของคนรุ่นใหม่ ซึ่งภายใต้บริษัทนี้ จะประกอบธุรกิจสายมู คือ Horoworld Mobile Application เป็น One stop Service ทางด้านโหราศาสตร์และความเชื่อ ประกอบด้วยบริการดูดวงสดออนไลน์ ดูโหงวเฮ้ง ฮวงจุ้ย และฤกษ์มงคลต่างๆ  และเร็วๆนี้ จะเปิดตัวอีกหนึ่ง Application ภายใต้ชื่อ Thai merit ที่จะช่วยให้สายบุญสามารถไหว้พระ บริจาคเงิน แก้บน เสี่ยงเซียมซี ตลอดจนการบูชาวัตถุมงคล ได้กับทุกวัด ทุกสถานที่ศักด์สิทธิ์ ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยไม่ต้องเดินทาง

 “นอกเหนือจากความพยายามในการฟื้นฟูธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์โรคระบาดแล้ว บริษัทได้ศึกษาและมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆอยู่เสมอ เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงและการเติบโตอย่างยั่งยืน ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้หาแนวทางในการลดภาระค่าใช้จ่ายทางการเงิน และเพิ่มความคล่องตัวในการลงทุน อาทิ การออกหุ้นกู้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และกำลังศึกษาแนวทางในการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน Infrastructure Fund เพื่อระดมทุนมาใช้ในโครงการ DTRS  หากมีความคืบหน้า ก็จะนำเสนอต่อไป”