“ซีพีเอฟ”ไตรมาสแรกยอดขายพุ่ง 1.38 หมื่นล้าน รายได้ใน-นอกประเทศโตต่อเนื่อง

12 พ.ค. 2565 | 12:16 น.

ซีพีเอฟโชว์ยอดขายไตรมาสแรก พุ่ง 1.38 หมื่นล้าน โต 16% หลังราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุน ภาวะสุกรเวียดนามกลับสู่ภาวะปกติและมีแนวโน้มดีขึ้น

 

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ  รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2565 มีรายได้จากการขายจำนวน 138,887 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นรายได้จากการขายของกิจการประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 13  และรายได้จากการขายของกิจการต่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 18    

       

บริษัท ฯ รายงานกำไรสุทธิ จำนวน 2,842 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 59 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน  สาเหตุหลักที่ทำให้กำไรลดลง มาจากราคาสุกรในประเทศเวียดนามและประเทศจีนอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีระดับราคาสูงจากภาวะขาดแคลนสุกรจากโรคระบาด  ประกอบกับราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน         

 

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ  กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นับเป็นช่วงเวลาที่มีความท้าทายในการดำเนินธุรกิจค่อนข้างมาก จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ที่มีผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคทั่วโลก และรูปแบบการดำเนินธุรกิจ นอกจากนั้น กรณีความขัดแย้งของประเทศรัสเซียและยูเครน  ทำให้เกิดความท้าทายและความผันผวนทางเศรษฐกิจ อาทิ อัตราแลกเปลี่ยน การเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน  และการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ                     

           

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและมีแนวทางในการปรับเปลี่ยนรูปแบบของธุรกิจให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมทั้งให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการการผลิต และการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ต้นทุนของธุรกิจอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้           

 

นายประสิทธิ์ คาดว่า ผลการดำเนินงานจากนี้ไปจะมีแนวโน้มที่ดี  จากการบริโภคที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ประเทศไทยและหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายการจำกัดการเดินทาง และแนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับตัวสูงขึ้น จากภาวะการขาดแคลนเนื้อสัตว์ในบางประเทศ รวมถึงปริมาณการส่งออกไก่ของไทยที่เพิ่มขึ้น   จึงมองว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะดีกว่าปีที่ผ่านมา