นายพรายพล คุ้มทรัพย์ นักวิชาการอิสระ และผู้เชี่ยวชาญทางด้านพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีกระทรวงการคลัง เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า ให้เห็นชอบการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพิ่มเติมจากเดิม 3 บาทต่อลิตร ว่า เห็นด้วยที่รัฐบาลควรจะใช้กลไกเรื่องของภาษีมาช่วยบรรเทาผลกระทบของน้ำมันแพง และควรจะลดทุกชนิดด้วย
“ตอนนี้ก็ต้องเข้าใจว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกมันยังคงพุ่งสูงผิดปกติอยู่ อีกทั้งรัฐบาลเองก็มีภาระหนี้สินมาก ทั้งหนี้สาธารณะ หนี้กองทุนน้ำมันก็ติดลบไป 6 หมื่นล้านบาทแล้ว แต่แนวทางที่ดีที่สุดก็คือต้องอุดหนุนไปก่อนในช่วงนี้เพื่อคลายความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้น้ำมัน แต่จะนานกี่เดือนก็ว่ากันไปตามสถานการณ์” นายพรายพล ระบุ
ทั้งนี้ที่ผ่านมาก็เห็นด้วยกับรัฐบาลที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนด้วยการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 3 บาทต่อลิตร ซึ่งตอนนี้เห็นกระแสข่าวว่าจะมีการปรับลดลงอีกถึง 5 บาทต่อลิตร ส่วนตัวมองว่า จริง ๆ แล้วไม่ควรลดเฉพาะน้ำมันดีเซล แต่ควรลดภาษีน้ำมันทุกประเภท ทั้งเบนซิน และดีเซล โดยอาจลดลง 4 บาทต่อลิตร
“การลดภาษีน้ำมันถือว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนี้ แต่อาจไม่ต้องลด 5 บาทต่อลิตรเฉพาะดีเซล แต่ถ้าจะลดอย่างน้อยก็ลดแค่ 4 บาทต่อลิตรพอ ทั้งเบนซิน และดีเซล เพราะคนที่ใช้เบนซินก็มีมากเหมือนกัน และการสูญเสียรายได้จากรัฐก็พอ ๆ กัน ดังนั้นถ้าจะให้เกิดประโยชน์ควรจะลดให้หมดทุกชนิด”
อย่างไรก็ตามก่อนที่รัฐบาลจะมีการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตร เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลประเภทต่าง ๆ มีรายละเอียด ดังนี้