โหดร้ายไปหรือไม่ ร้านออกกฎนักดนตรีทิปเยอะลดค่าจ้าง ได้มากกว่า 3 พัน ไม่จ่าย

07 พ.ค. 2565 | 06:30 น.

โหดร้ายไปหรือไม่ ร้านออกกฎนักดนตรี"ทิปเยอะ"1,500 บาท ขึ้นไป จ่ายค่าจ้างแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ ได้ทิปมากกว่า 3,000 บาท ไม่จ่ายแม้แต่บาทเดียว 

สถานการณ์โควิดทำให้อาชีพนักร้องนักดนตรีตกงานไปกว่า2ปี เพราะมีโอกาสเสี่ยงสูงสุด และเมื่อโควิดอยู่ในช่วงขาลง รัฐบาลเปิดประเทศเต็มรูปแบบการคลายล็อคธุรกิจต่างๆกลับคืนสู่ภาวะปกติ มีการคาดการณ์ว่าจะสามารถประกอบอาชีพได้ดังเดิมแม้รายได้จะกลับมาไม่เต็มร้อยเปอร์เช็นต์เหมือนช่วงปกติ ก็ตามแต่ในทางกลับกัน

 

 

มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพประกาศของ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่ประกาศกฎข้อปฏิบัติของนักดนตรีที่มาเล่นที่ร้าน โดยข้อสำคัญที่ทางร้านเน้นย้ำคือ หากได้ทิป 1,500 บาท ขึ้นไป ทางร้านขออนุญาตจ่ายค่าจ้างเหลือแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ หากได้ทิปมากกว่า 3,000 บาท ทางร้านขออนุญาตไม่จ่ายค่าจ้าง

 

 

ผู้โพสต์ได้เล่าที่มาของกฎข้อปฏิบัติดังกล่าว ระบุว่า "ผมปะติดปะต่อจากข้อมูลที่ได้มาจากการชี้แจงของทางร้านบางส่วน และอีกส่วนจากนักดนตรีที่อยู่ในเหตุการณ์วันเกิดเหตุ ที่ทำให้ร้านออกกฎนี้ขึ้นมาครับ

 

 

เรื่องคือ เคยมีนักดนตรีวงหนึ่ง ถูกเจ้าของร้านจ้างไปเล่นแบบ Event ที่ร้าน ซึ่งเป็นงานเลี้ยงของเจ้าของร้านและเพื่อนๆ ของเขามาเป็นลูกค้า วงเล่นจนหมดเวลาตามดีล แต่ลูกค้า A จะขอจ้างต่อและจ่ายค่าต่อเวลาเอง ซึ่งได้มีการตกลงราคากันเรียบร้อยระหว่างนักดนตรีและลูกค้า A

โหดร้ายไปหรือไม่ ร้านออกกฎนักดนตรีทิปเยอะลดค่าจ้าง ได้มากกว่า 3 พัน ไม่จ่าย

พอเล่นจบช่วงต่อเวลา นักดนตรีจะขอเก็บเงินลูกค้า A ตามตกลง กลับมีลูกค้า B มาโวยวายว่า จะจ่ายทำไม? ร้านจ้างมาให้แล้วไม่ต้องจ่ายเพิ่ม แล้วก็ไปต่อว่าทางเจ้าของร้าน เจ้าของร้านอาจจะรู้สึกเสียหน้าเพราะโดนลูกค้าซึ่งเป็นเพื่อนของตนต่อว่าเอา

 

 

แต่แทนที่จะทำความเข้าใจว่า ลูกค้า A จะจ่ายเอง ลูกค้า B ไม่เกี่ยว กลับไปเข้าข้างลูกค้า B แล้วผสมโรงไปกับลูกค้า B ด้วย โดยกล่าวว่า "ถ้าจะเก็บเงินเพื่อนฉันเพิ่มฉันไม่ยอม" โดยสุดท้ายทุกๆ คนก็ทยอยแยกย้าย โดยที่ไม่ได้มีการจ่ายเงินส่วนที่ตกลงเพิ่มให้นักดนตรีเลย

 

 

หลังจากนั้นมาเจ้าของร้านจึงออกกฎนี้ขึ้นเพื่อตัดปัญหา แต่ก็ "ไม่ได้บังคับใช้จริง" แต่ได้สร้างความไม่เข้าใจและอึดอัดใจ ต่อนักดนตรีในร้านและนอกร้านที่ได้รับทราบเรื่องราวเป็นวงกว้าง"

 

ทั้งนี้ ผู้โพสต์ ยังระบุว่า เจ้าของร้านติดต่อมาขอให้ตนเองลบโพสต์ แต่ตนเองได้ขอให้ชี้แจงที่มาที่ไปเพื่อจะได้ช่วยแก้ข่าวให้เพื่อความเป็นธรรม แต่ก็ไม่ได้รับความชัดเจนใดๆ จึงตัดสินใจที่จะไม่ลบ และได้ให้คำแนะนำไปว่ากฎเช่นนี้ไม่เหมาะสม ซึ่งทางเจ้าของร้านไม่ได้โต้เถียงใดๆ และขอบคุณสำหรับคำแนะนำ