ผัก-ผลไม้ จีน ตีตลาด ปลุกคนไทย กินของไทย ป้องเกษตรกร

28 ม.ค. 2565 | 11:58 น.

“ศักดา ศรีนิเวศน์” โพสต์ ป้องเกษตรกร ปลุกคนไทย กินของไทย หลัง ผัก-ผลไม้ จีน ทะลัก พ่นพิษทุบราคาผัก ผลไม้ ไทยตกต่ำ แฉ ผัก-ผลไม้จีน สารเคมีตกค้างอื้อ แนะ เอาคืนบ้าง จาก “ จีน” อ้าง ผลไม้ไทยปนเปื้อนโควิด จนทำให้ผู้บริโภค ไม่กล้ารับประทาน

นาย ศักดา ศรีนิเวศน์ อดีตนักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ สำนักพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร โพสต์เฟซบุ๊ก ศักดา ศรีนิเวศน์  ช่วงนี้ผักไทยได้รับผลกระทบจากการนำเข้าผักจากจีน อันเนื่องมาจากระบบการขนส่งทางรางที่สามารถขนส่งได้ครั้งละมากๆ และรวดเร็วกว่าทางรถยนต์มากขึ้น แม้ว่าทางราชการที่รับผิดชอบจะบอกว่าปริมาณนำเข้าไม่ได้เพิ่มขึ้น

 

แต่สาเหตุที่เราเห็นว่าเข้ามามากเพราะเข้ามาที่เดียวพร้อมๆ กันทางรถไฟ นั่นก็แล้วแต่ที่เขาว่ามา แต่ทางหนึ่งที่เกษตรกรไทยหรือพ่อค้าคนกลางจะต่อสู้กับผักผลไม้นำเข้าจากจีนได้คือจะต้องพัฒนาคุณภาพและรูปแบบการขาย การคัดเลือก ตัดแต่ง การบรรจุให้สวยงามหรือสะดวกต่อการหยิบซื้อของผู้บริโภค เมื่อวางจำหน่ายในท้องตลาด

 

กล่าวคือ ผักหรือผลไม้ที่วางขายในร้านค้าปลีกหรือตามตลาดสดทั่วไป ต้องอยู่ในรูปที่ผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องเลือก เพราะผักมีคุณภาพดีและขนาดที่สม่ำเสมอ ผักชนิดไหนที่สามารถบรรจุในแพ็กหรือถุงได้ก็ควรทำ จะสังเกตเห็นได้ว่าผักจีนที่มาถึงเมืองไทยส่วนใหญ่เกษตรกรจีนหรือผู้ส่งออกเขาแพ็กมาสวยงาม น่าหยิบ น่าซื้อ เมื่อก่อนเราเคยส่งขายตลาดแบบใส่เข่ง ใส่ตระกร้า รวม ๆกันมา นั้นไม่มีปัญหา

 

แต่ตอนนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว รูปแบบวิธีการขาย และพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปแล้ว อีกทั้งระบบการขนส่งที่รวดเร็วขึ้นทำให้ผลผลิตถึงผู้บริโภคได้เร็วกว่าแต่ก่อนมาก เราจะมาผลิตเหมือนสมัยก๋งที่มาจากเมืองจีนไม่ได้อีกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างต้องลงทุน แรก ๆ อาจจะไม่มีกำไร หรือกำไรลดลงกว่าเดิม แต่เชื่อว่าในอนาคตจะดีขึ้นอย่างแน่นอน เพราะนี้คือการพัฒนาทั้งระบบ

 

 

ลองถามตัวเองก่อนเวลาไปซื้อผักผลไม้ที่ตลาดเราชอบแบบไหน นั่นแหละคือคำตอบที่เราต้องทำ เปรียบเทียบตัวอย่างที่เห็นง่าย ๆ เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้สุก 1 กก. ราคาเท่ากันกิโลกรัมละ 50 บาทใส่ถุงกร็อบแกร็ป กับอีก 1 กก. เท่ากันใส่กล่องบรรจุสวยงามขายกิโลกรัมละ 60 บาท วางขายคู่กัน ถ้าคุณจะซื้อไปฝากเขาคุณจะเลือกซื้อแบบไหน นั่นก็คือคำตอบว่า “ทำไมเราจึงต้องพัฒนา”

 

เลิกส่งผักผลไม้ที่ยังไม่ได้คัดเลือกตัดแต่งหรือมีขยะติดมาขายที่ตลาดกลาางได้แล้ว เพราะทุกตลาดกลางมีปัญหาที่ต้องขนขยะที่ติดมาจากผลผลิตกลับเอาไปทิ้งข้างนอกอีก เสียทั้งเงินค่าขนส่งขยะเข้ามาและออกไป เสียทั้งเวลา และแรงงาน เอาขยะที่เราตัดแต่งมาทำปุ๋ยหมักใส่กลับในดินเรากันดีกว่า และอยากจะขอความร่วมมือทุกตลาดกลางให้ช่วยกันรณรงค์ในเรื่องนี้เพื่อช่วยกันพัฒนาระบบการขายสินค้าเกษตรของเราให้ทันสมัย ลดขยะ และยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมในตลาดให้ดีขึ้นอีกด้วย

 

อย่าอ้างว่าผักผลไม้จีนราคาถูกกว่าของไทย เพื่อหักล้างเหตุผลนี้ เพราะไม่อยากทำ หรือไม่อยากลงทุนเพิ่ม เพราะวันหนึ่งคุณก็หนีเงื่อนไขนี้ไม่พ้น ถ้ายังคิดแบบเดิมก็คงต้องมีชีวิตอยู่แบบเดิม ๆ และสูญเสียธุรกิจในที่สุด อย่าลืมว่าผักผลไม้ไทยมีจุดแข็งกว่าของจีน ด้วยเหตุผลที่ผู้บริโภคไทยทุกคนมีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของผักผลไม้ไทยมากกว่าของจีน

 

เพราะส่วนใหญ่พูดว่า “ผักผลไม้จีนน่ากลัวสารเคมีตกค้าง” ทำไมจึงไม่เอาเรื่องนี้เป็นจุดขายผักผลไม้ไทยของเรา เหมือนที่จีนอ้างว่าผลไม้ไทยมีเชื้อโรคระบาดติดไปจนทำให้คนจีนไม่กล้ากินของเรากันบ้าง ชาตินิยมกันหน่อยครับพี่น้อง