Krungthai COMPASS ลุ้นอัพไซส์เศรษฐกิจไทยปี65
กรุงไทยประเมินเศรษฐกิจไทยปี65ขยายตัว 3.8% แนะผู้ประกอบการปรับตัวรับแนวคิด Growthอัพไซส์เศรษฐกิจไทย จับตา “โอมิครอน” ระยะข้างหน้า แม้ปัจจุบันคาดว่าจะไม่กระทบกับการเติบโตของเศรษฐกิจและสุขภาพมากนัก
ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2565 จะกลับเข้าสู่เส้นทางของการฟื้นตัว หรือ “Recovery Path” ชัดเจนขึ้น การฉีดวัคซีน2เข็มที่ครอบคลุมประชากรในสัดส่วนสูงกว่า 60%และเร่งฉีดเข็ม3โดยภาพรวมมองว่าการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนจะกระทบเศรษฐกิจและสุขภาพของประชาชนไม่มากแต่ยังมีความไม่แน่นอนที่ต้องติดตาม
“แม้ว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะฟื้นตัวชัดเจนขึ้นจากปีก่อน แต่ก็เป็นการเติบโตหลังจากที่เศรษฐกิจต้องสะดุดลงจากการแพร่ระบาดใหญ่ มีความเปราะบางทั้งจากการฟื้นตัวที่ไม่พร้อมเพรียงกัน (K-Shaped Recovery) และปริมาณหนี้ในระดับสูง ทำให้เศรษฐกิจไทยจะยังไม่กลับเข้าสู่ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 และยังต้องอาศัยการผ่อนคลายนโยบายการเงินและการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการคลังเพื่อช่วยสร้างโมเมนตัม แต่จีดีพีก็มีโอกาสอัพไซส์ถ้าภาคธุรกิจปรับตัวรับแนวคิด “GROWTH”
ดร.มานะ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการฝ่าย ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า นโยบายทางการคลังยังมีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีหน้า โดยรัฐบาลขยายเพดานหนี้สาธารณะเป็น 70%ซึ่งสามารถกู้เงินได้เพิ่ม 1.2ล้านล้านบาทพร้อมเสนอรัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการลงเม็ดเงินเยียวยาเศรษฐกิจเพิ่มเติมใน3 มิติ หลัก “กลบหลุมเดิม-เดิมกำลังซื้อและรื้อโครงสร้างธุรกิจ”เพื่อบรรเทาผลกระทบหลุมรายได้ที่หายไป 12.6พันล้านบาท โดยเฉพาะการจ้างงานแรงงานในภาคบริการที่คาดว่าจะยังฟื้นตัวได้ช้ากว่ากลุ่มอื่น
รวมไปถึงการผสมผสานมาตรการที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในรูปแบบของการช่วยออกค่าใช้จ่าย หรือ Co-payment ที่มี Multiplier กับเศรษฐกิจสูง ตลอดจนการช่วยเหลือและเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจสามารถรองรับความเสี่ยง และแข่งขันได้ในยุค New Normal
“ปีหน้าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมองว่าจะขยายตัวได้ 3.8% ด้วยปัจจัยสนับสนุนทั้งการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน ส่วนการลงทุนภาครัฐอาจชะลอจากปีนี้ขณะที่ภาคส่งออกยังขยายตัวดี3.9% และประเมินจำนวนนักท่องเที่ยว 5.8ล้านคนเพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่มี 4แสนคน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อไม่กดดันธปท.ต้องเข้มงวดนโยบายการเงินคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50%ตลอดปีโดยเงินเฟ้อขยับเป็น 1.5%จากปีนี้อยู่ที่ 1.2%ส่วนเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า 31.5บาทต่อดอลลาร์”
นายกิตติศักดิ์ กวีกิจมณี นักวิเคราะห์อาวุโส ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า เทรนด์การพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ยุคNew Normal จับตา 5 เทรนด์ภายใต้หลักคิดGrowth ได้แก่ 1.เน้นการลงทุนที่สอดคล้องกับโลก Green Economy ทั้งเป้าหมายลดโลกร้อน ลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งเมืองไทยชูยุทธศาสตร์BCGขับเคลื่อนประเทศ ธุรกิจที่เป็นโอกาสทั้งกรผลิต จำหน่ายพลังงานแสงอาทิตย์ ธุรกิจแพลนต์ เบส
2.การส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวมูลค่าสูงและยั่งยืนรองรับการเปิดประเทศเน้นนักท่องเที่ยวที่มีมูลค่าการใช้จ่าย 1,528ดอลลาร์ต่อทริปซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไปถึง 53% 3.เทรนด์การทำงาน เน้นการยกระดับ Productivity ด้วยการปรับกลยุทธ์การบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ท่ามกลางกระแสการแย่งชิง Talent โลกที่เข้มข้นขึ้น 4.การลงทุนต่อยอดจากเทคโนโลยีแห่งอนาคตและ 5.เทรนด์การดูแลสุขภาพจากที่บ้าน ธุรกิจIn-house Healthcare
