“รฟท.” ซาวด์เสียงนักลงทุน เล็งประมูลสายสีแดง

26 ต.ค. 2564 | 08:41 น.

“รฟท.” เปิดสัมมนาฟังเสียงนักลงทุน ลุยเปิดประมูลรถไฟสายสีแดง เล็งศึกษาร่วมทุนพีพีพี 3 รูปแบบ คาดใช้เวลาประมูล 14 เดือน ได้ข้อสรุป

นายจเร รุ่งฐานีย รองผู้ว่าการกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน (Market Sounding) ครั้งที่ 1 โครงการศึกษา ทบทวน และวิเคราะห์ความเหมาะสมของโครงการ จัดทำเอกสารประกวดราคาและการดำเนินงาน ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุน ระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ของโครงการระบบรถไฟสายสีแดง ว่า สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้ ที่ปรึกษาฯ ได้ดำเนินการศึกษาเพื่อจัดแผนการเดินรถเบื้องต้นที่ตอบสนองความต้องการในการเดินทาง ครอบคลุมการเดินรถไฟทุกประเภทของ รฟท. ที่จำเป็นจะต้องใช้ทางวิ่งร่วมกัน โดยพิจารณาการจัดช่วงการเดินรถ (Time Slot) เพื่อไม่เกิดความซ้ำซ้อน

 

 

 

สำหรับรูปแบบการเดินรถไปตามลักษณะการดำเนินโครงการเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน โดยรูปแบบการเดินรถของโครงการจะมีช่วงที่ให้บริการขนานกับเส้นทางการเดินรถของ รฟท. ในส่วนของรถธรรมดาและรถชานเมืองบริเวณช่วงสถานีดังกล่าว

 

 

ระยะที่ 2 โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ส่วนต่อขยาย ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา ช่วงบางซื่อ-หัวหมาก และช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง โดยในระยะการเปิดส่วนต่อขยายช่วงต่างๆ อาจมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินรถชานเมืองในพื้นที่กรุงเทพฯ ของ รฟท. บางส่วนในช่วงสถานีที่ให้บริการซ้ำซ้อนกับสถานีของโครงการ หรืออาจจะจอดให้บริการที่สถานีเชื่อมต่อหลักเท่านั้น

 

 

ระยะที่ 3 โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ส่วนต่อขยาย เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ การเดินรถจะเป็นการให้บริการระบบรถไฟชานเมืองในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเต็มรูปแบบ โดยมีสถานีศูนย์กลางร่วมกับ รฟท. ที่สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งโครงการจะมาช่วงต่อการให้บริการรถชานเมืองจากการรถไฟฯ ทั้งหมด

ทั้งนี้โครงการได้ดำเนินการศึกษา ทบทวน วิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจและการเงิน โดยผลการวิเคราะห์แสดงสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมระหว่างรัฐและเอกชน ดังนี้ 1.ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน สัดส่วนการลงทุนรัฐ 100 %  2.ช่วงบางซื่อ-รังสิต สัดส่วนการลงทุนรัฐ 100 %  3.ช่วงบางซื่อ-พญาไท-หัวหมาก สัดส่วนการลงทุนรัฐ คิดเป็น 90.36 %  และสัดส่วนการลงทุนเอกชนคิดเป็น 9.64% 4.ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต สัดส่วนการลงทุนรัฐ คิดเป็น 90.36 %  และสัดส่วนการลงทุนเอกชนคิดเป็น 9.64% 5.ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา สัดส่วนการลงทุนรัฐ คิดเป็น 90.36 %  และสัดส่วนการลงทุนเอกชนคิดเป็น 9.64% 6.ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช สัดส่วนการลงทุนรัฐ คิดเป็น 90.36 %  และสัดส่วนการลงทุนเอกชนคิดเป็น 9.64% โดยพิจารณาระยะเวลาร่วมลงทุนที่ 50 ปี โครงการฯ 

 

 


ขณะที่ผลตอบแทนทางการเงินในภาพรวมทั้ง 6 โครงการ ดังนี้ ผลตอบแทนโครงการ -0.54% FIRR (%)  คิดเป็นมูลค่า -159,154.49 NPV (ล้านบาท)  คิดเป็น 0.44 B/C Ratio สำหรับรูปแบบการลงทุนที่แบ่งสัดส่วนการลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนดังที่กล่าวไปข้างต้น มีผลตอบแทนทางการเงิน ดังนี้  ผลตอบแทนโครงการ 8.62 IRR (%)  คิดเป็นมูลค่า 9,670.51 NPV (ล้านบาท) คิดเป็น 1.08 B/C Ratio 

นอกจากนี้ โครงการจะดำเนินการวิเคราะห์และศึกษารูปแบบการร่วมลงทุนและเอกชนที่เหมาะสมในการดำเนินงานโครงการ เพื่อเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าร่วมดำเนินงาน โดยมีรูปแบบให้ผลตอบแทนแก่เอกชน  แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ดังนี้ 1. Net Cost 2. Gross Cost 3. Modified Gross Cost  ส่วนกระบวนการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ จะใช้ระยะเวลาประมาณ 14 เดือน โดยมีขั้นตอนในการดำเนินการ ดังนี้ 1. การประกาศเชิญชวนและขายซองเอกสารประกอบข้อเสนอ 2. เอกชนจัดเตรียมเอกสารและยื่นข้อเสนอ 3. ประเมินข้อเสนอของเอกชนและการเจรจาต่อรอง และ 4. การขออนุมัติร่างสัญญาร่วมลงทุนและผลการคัดเลือก ซึ่งโครงการดังกล่าว จัดเป็นการลงทุนเพื่อวางรากฐานความมั่นคงด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของไทยในระยะยาว โดยหวังให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากการพัฒนาโครงข่ายระบบรางได้เต็มประสิทธิภาพ