ส่งออกยางลุ้นปีนี้โต 25% ทำเงินเข้าประเทศ 1.3 แสนล้าน หวัง 5 ตลาดโตต่อเนื่อง
บิ๊กวงการ ชี้ส่งออกยางพาราปีนี้สดใส มั่นใจโตกว่า 25% มูลค่า 1.36 แสนล้าน ผลพวงเศรษฐกิจคู่ค้าหลักทั้งจีน มาเลย์ ญี่ปุ่น สหรัฐ เกาหลี ฟื้นตัวต้องการนำเข้าเพิ่ม ห่วงโควิดระบาดในโรงงานกระทบการผลิต เร่งรัฐบาลระดมฉีดวัคซีน แข่งเชื้อกำลังระบาดหนัก
ข้อมูลจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร รายงาน การส่งออกยางพาราของไทยช่วง 5 เดือนแรกปี 2564 มีมูลค่า 70,344.1 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 50.80% (5 เดือนแรกปี 2563 ส่งออกมูลค่า 46,647 ล้านบาท) ส่วนด้านปริมาณส่งออกได้ 1.39 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีการส่งออก 1.17 ล้านตัน (จากปี 2563 ไทยส่งออกยางพารา 2.66 ล้านตัน มูลค่า 108,900 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ที่ส่งออกได้ 3.15 ล้านตัน มูลค่า 128,490 ล้านบาท)
นายหลักชัย กิตติพล นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมยางพาราไทย และกรรมการ บริษัท ไทยฮั้วยางพารา มหาชน (มหาชน) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า การส่งออกยางพาราของไทยช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ที่ขยายตัวมากมาจาก 1.ฐานส่งออกปีที่แล้วต่ำ 2.ทั่วโลกเศรษฐกิจเริ่มฟื้นขึ้น หลายประเทศก็มีการสั่งซื้อเพิ่มขึ้น จากปีที่แล้วในช่วงนี้เป็นช่วงโควิดระบาดรุนแรง โดยเฉพาะที่จีนที่เป็นตลาดส่งออกหลักยางพาราของไทยก็ไม่ได้สั่งของ แต่ปีนี้ช่วงนี้โควิดในจีนคลี่คลาย มีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น มีผลถึงปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น
ส่วนด้านราคายางพาราส่งออกปีนี้เทียบกับปีที่แล้วก็เพิ่มขึ้น แต่จากนี้ไปแนวโน้มการส่งออกยังขยายตัวต่อเนื่อง แต่คาดขยายตัวในอัตราที่ลดลง เพราะคู่ค้าได้ซื้อไปสต๊อกบางส่วนแล้ว
“การส่งออกยางพาราในแง่ปริมาณปีนี้น่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว เนื่องจากการการผลิตยางพาราของไทยยังมีไม่มาก ส่วนการกรีดก็ยังเพิ่มไม่ได้มากเท่าไหร่ ช่วงนี้ฝนก็เป็นอุปสรรคต่อการกรีดด้วย แล้วแรงงานต่างด้าว เช่นเมียนมายังเข้าไม่ได้จากการแพร่ระบาดของโควิด สวนยางที่ปล่อยร้างไม่มีคนกรีดก็มีเยอะ"
ส่วนการส่งออกแง่มูลค่า คาดปีนี้จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 25% (คิดเป็นมูลค่า 136,125 ล้านบาท)จากเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวขึ้น ราคาสินค้าก็ปรับตัวสูงขึ้นถ้าเทียบกับปีที่แล้วราคาก็เฉลี่ยสูงขึ้น 25%
ทั้งนี้ตลาดส่งออกหลักยางพาราของไทย 5 อันดับแรกได้แก่ จีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น สหรัฐฯ เกาหลีใต้ ขยายตัวเป็นตัวเลข 2 หลักทุกตลาด(ช่วง 5 เดือนแรก ตลาดจีนขยายตัว 33% มาเลเซีย ขยายตัว 61% ญี่ปุ่น ขยายตัว 82% สหรัฐฯ ขยายตัว 52% และเกาหลีใต้ ขยายตัว 36%)
ส่วนด้านราคายางในประเทศ นายหลักชัยระบุว่า ช่วงนี้อาจปรับตัวลดลงบ้างหลังเปิดกรีด เพราะมีปริมาณยางเพิ่มขึ้น แต่ก็เพิ่มไม่มากนักเพราะช่วงนี้หน้าฝนเป็นอุปสรรคต่อการกรีดยาง จากก่อนหน้านี้ราคายางขยับขึ้น ผลจากที่การยางแห่งประเทศไทยนำยางในสต๊อก 1.04 แสนตันมาประมูล และจบไปแล้ว จากนี้ราคายางน่าจะดีขึ้นตามกลไกตลาดที่มีการแข่งขันสมบูรณ์
“ปัญหาที่โรงงานแปรรูปยางมีความกังวลในเวลานี้ ไม่ใช่เรื่องปริมาณยางจะมากหรือน้อย แต่กังวลเรื่องคนงานส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการฉีดป้องซีนป้องกันโควิด-19 ในส่วนคนงานของไทยฮั้วฯมีอยู่ทั่วประเทศ 4-5 พันคน ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ซึ่งคอยใช้สิทธิประกันสังคมในการฉีด ไม่ได้ไปจองวัคซีนทางเลือก เพราะเราจ่ายเงินประกันสังคมแต่ละเดือนอยู่แล้วก็ต้องใช้สิทธิตรงนั้น เพราะถ้าจองซื้อฉีดเองก็รับภาระไม่ไหว คนหนึ่งมีค่าใช้จ่ายหลายพันบาท”