แจงเวียดนาม ยันหมูไทยตรวจไม่พบเชื้อโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร 

02 ก.ค. 2564 | 07:17 น.

ไทยสะดุ้ง “เวียดนามแบนหมู” มีผลแล้ว อธิบดีกรมปศุสัตว์ ร่อนหนังสือยืนยัน หมูไทยตรวจไม่พบเชื้อโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร  พร้อมยกระดับ 7 มาตรการป้องกันเข้มข้น คาดระงับ ข่าวอาจจะคลาดเคลื่อน เข้าใจผิด ทั้งที่มีความต้องการสูง

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดี กรมปศุสัตว์  เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ส่งหนังสือชี้แจงเรื่องนี้ไปยังเวียดนามทันทีที่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวจาก กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม ยืนยันว่าไม่พบเชื้ออหิวาต์แอฟริกาในหมูไทยตามรายงาน พร้อมตรวจสอบข้อมูลการสุ่มตรวจโรค ASF อย่างละเอียดอีกครั้ง ก็ไม่พบเชื้อในตัวอย่างแต่อย่างใดโดยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในทันที

 

 

พร้อมส่งหนังสือแจ้งผลตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของสุกรแล้ว ขณะเดียวกันได้ยกระดับมาตรการตรวจสอบสุกรมีชีวิตก่อนการส่งออกให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยส่งหนังสือแจ้งผู้ประกอบการส่งออกสุกรทุกรายว่า สุกรมีชีวิตทุกชนิดที่จะส่งออกไปยังเวียดนาม ต้องได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ด่านกักกันสัตว์ท่าออกอีกครั้ง ก่อนอนุญาตให้ส่งออก ด้วยการสุ่มเก็บตัวอย่างสุกรบนรถขนสุกรทุกคันบริเวณจุดขนถ่ายสุกรที่ท่าส่งออกหรือจุดที่ด่านกักกันสัตว์กำหนด 10 ตัวอย่างต่อคัน มีผลบังคับใช้ในทันที เพิ่มเติมจากข้อกำหนดเดิมของประเทศเวียดนามที่กำหนดไว้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศคู่ค้าถึงการกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขภาพสุกรของไทย

 

“การระงับของเวียดนาม เป็นไปตามความเข้าใจคลาดเคลื่อนเดิม ที่แจ้งมาเมื่อเดือนพฤษภาคม ซึ่งเมื่อได้ชี้แจงไปยังเวียดนามแล้ว มีความเข้าใจเป็นอันดี โดยคาดว่าจะเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายสัตว์ผ่านประเทศอื่น ขณะที่ความต้องการบริโภคเนื้อหมูยังคงสูง และเชื่อว่าเวียดนามจะกลับมานำเข้าหมูไทยอีกในเร็วๆนี้ ขอยืนยันว่าการเลี้ยงสุกรของไทยมีมาตรฐานและมีมาตรการในการป้องกันโรคโดยเฉพาะ ASF เพื่อให้ไทยยังคงสถานะปลอดโรคนี้ โดยเน้นย้ำเกษตรกรผู้เลี้ยงและผู้ประกอบการ ร่วมกันยกระดับมาตรการป้องกันโรคที่เข้มงวดอยู่แล้วให้ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”

 

นายสัตวแพทย์สรวิศ  กล่าวว่า ล่าสุด กรมปศุสัตว์ ยกระดับการป้องกันให้เข้มข้นขึ้น โดยกำหนดมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันโรค ASF 7 ด้าน ได้แก่ 1. เร่งรัดติดตามการขึ้นทะเบียนผู้รวบรวมสุกรหรือพ่อค้าคนกลาง (broker) ในแต่ละจังหวัดให้เสร็จโดยเร็ว 2. ปรับปรุงมาตรการและหลักเกณฑ์การเคลื่อนย้ายให้ง่ายต่อการปฏิบัติและให้มีประสิทธิภาพต่อการป้องกันโรค โดยผ่านคณะอนุกรรมการวิชาการ ให้ออกมาตรการโดยเร็วที่สุด 3. ชี้แจงมาตรการและหลักเกณฑ์การเคลื่อนย้ายสุกรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน 4. กองสารวัตรและกักกัน ให้เข้มงวดการตรวจสอบสุกร และผลิตภัณฑ์สุกรที่จะส่งออกไปต่างประเทศ โดยให้ดำเนินการสุ่มเก็บตัวอย่าง ณ ด่านขาออก หากพบสัตว์ผิดปกติให้ดำเนินการตามที่กรมปศุสัตว์กำหนดอย่างเข้มงวด

 

5. สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ ตั้งคณะกรรมการพิจารณาการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกัน ASF 6. สำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์รวบรวมและแจ้งรายชื่อโรงฆ่าสัตว์ที่สามารถรองรับการบริหารจัดการ การดำเนินการลดความเสี่ยงต่อโรคภายในจังหวัด ส่งให้ปศุสัตว์จังหวัดดำเนินการ และ 7. บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด หากพบการกระทำผิด แจ้งข้อมูลที่แอปพลิเคชั่น DLD 4.0 หรือสายตรงผู้บริหารกรมโดยตรง