“บีซีพีจี”กำไรไตรมาส 1/64 โต 21%

12 พ.ค. 2564 | 05:20 น.

“บีซีพีจี”เผยผลประกอบการไตรมาส 1/64 มีกำไรจากการดำเนินการปกติ 489 ล้านบาท โต 21% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 1/64 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่  1,047 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1/2563 ประมาณ 18.1% และ EBITDA รวมอยู่ที่ 948 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เนื่องจากมีการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากโครงการใหม่ ได้แก่

1.โรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3B” ใน สปป.ลาว ที่เข้าซื้อในเดือน กุมภาพันธ์ 2563

2.โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยกำลังการผลิตรวม 20 เมกกะวัตต์ จำนวน 4 โครงการ ที่ เข้าซื้อในเดือน สิงหาคม 2563 รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยและญี่ปุ่น และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ“Nam San 3A”  สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มมากขึ้นจากค่าความเข้มแสง และจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้น ที่ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว ตามลำดับ ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 51,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.6% จากสิ้นปี 63 จากการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนในบริษัทร่วม และทรัพย์สินไม่มีตัวตน เนื่องจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม และทรัพย์สินไม่มีตัวตน ซึ่งบางส่วนอิงสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากการแข็งค่าของเงินสกุลต่างประเทศเทียบกับสกุลเงินบาท ในระหว่างไตรมาสที่ 1/64

สำหรับในไตรมาสที่ 2 บริษัทฯ ยังคงขยายธุรกิจดิจิทัลอย่างต่อเนื่องด้วยการร่วมลงทุน กับบริษัทสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ ในการพัฒนาดิจิทัลโซลูชั่น (Digital Solution) ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่มากขึ้น และสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ ให้ไปสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำในการให้บริการโซลูชั่นด้านพลังงานอัจฉริยะได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
              ในส่วนของการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน บริษัทฯ ได้มีการต่อยอดเทคโนโลยีใหม่ๆ และขยายฐานการลงทุนไปยังประเทศต่างๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่อง สร้างเสียรภาพของรายได้ และความสมดุลของประเภทโรงไฟฟ้า ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรจาก ทริส เรทติ้ง ที่ระดับ A- ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ คงที่

ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงรายได้ที่แน่นอนจากสินทรัพย์โรงไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทฯ และสัดส่วนการลงทุนที่มีการกระจายตัวของแหล่งพลังงานที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังรวมถึงการสร้างรายได้จากโครงการใหม่เพื่อชดเชยรายได้จาก Adder ที่ทยอยลดลง และยังมีโครงการในมือที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเป็นจำนวนมาก ซึ่งการได้รับเครดิตดังกล่าวจะส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินกู้แหล่งใหม่ ที่จะเข้ามาช่วยเสริมความพร้อมการลงทุนในอนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :