เพิ่ม thansettakij
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
รัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริการะบุชัดเจนว่า ห้ามทุกเหล่าทัพของกองทัพสหรัฐเคลื่อนไหวด้านความมั่นคงภายในประเทศ แต่ในยามคับขันประธานาธิบดี ก็มีอำนาจตาม กฎหมายปราบการจลาจล ซึ่งบัญญัติขึ้นในสมัยสงครามกลางเมือง สามารถสั่งให้ทหารในทุกเหล่าทัพ หรือใน กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (บ้างก็เรียก “กองกำลังพิทักษ์ชาติ” หรือ National Guard) ให้มาปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความสงบภายในประเทศแบบเดียวกับตำรวจได้ ไม่ว่าจะเป็นการจับกุม ตรวจค้น หรือควบคุมการชุมนุมทางการเมือง
กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ ไม่ใช่ทหารอาชีพ พวกเขาเป็นกองกำลังหน่วยพิเศษในระบบกำลังสำรองของกองทัพสหรัฐฯ ที่ อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้ว่าการมลรัฐ และ สำนักงานกองกำลังพิทักษ์ชาติ หรือ National Guard Bureau ซึ่งเป็นหน่วยงานส่วนกลางของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แยกออกมาเป็น 2 เหล่าคือ กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของกองทัพบกและกองทัพอากาศ
แม้จะได้รับการฝึกฝนแบบเดียวกับทหารที่ขึ้นทะเบียนประจำการเต็มเวลากับกองทัพอย่างเป็นทางการ และมีระบบอาวุธเหมือนกองทัพ แต่พวกเขา “ไม่ใช่ทหารอาชีพ” แม้ว่าบางรายจะสมัครใจไปรบในอัฟกานิสถานและอิรักมาแล้วก็ตาม กำลังพลของกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ สามารถประจำการเต็มเวลาหรือประจำการชั่วคราวได้ ปัจจุบันมีกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิประจำการใน 50 มลรัฐและเขตปกครองพิเศษของสหรัฐฯ กว่า 4.6 แสนนาย การเรียกใช้กำลังพลนี้ ผู้ว่าการมลรัฐจะเป็นผู้ออกคำสั่งผ่านผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิในมลรัฐนั้น ๆ เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่
ภารกิจส่วนใหญ่ของกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ จึงเป็นการรักษาความสงบและช่วยเหลือด้านความมั่นคงภายในรัฐที่ประจำอยู่เป็นหลัก หน้าที่หลักคือ การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในมลรัฐตามคำสั่งของผู้ว่าการมลรัฐ เช่น การเข้าควบคุมสถานการณ์ในภาวะฉุกเฉิน อาทิ การจลาจล การก่อการร้าย และการบรรเทาสาธารณภัยจากภัยพิบัติต่าง ๆ ส่วนหน้าที่ในระดับชาติ ก็คือการปฏิบัติงานตามคำสั่งของรัฐบาลกลาง เช่น การรักษาความสงบเรียบร้อยหลังการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ
ที่ผ่านมา กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ เคยเข้าควบคุมสถานการณ์ความวุ่นวายภายในประเทศมาแล้วหลายครั้ง เช่น ในปี 2513 มีการเข้าควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านสงครามเวียดนาม ที่มหาวิทยาลัยเคนท์สเตท มลรัฐโอไฮโอ ซึ่งครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 4 รายจากการใช้กระสุนจริงเข้าสลายการชุมนุม
จากฐานข้อมูลในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิสหรัฐ พบว่า เท่าที่ผ่านมาในรอบกว่า 1 ศตวรรษ เคยมีการใช้อำนาจประธานาธิบดี สั่งการเรียกพลจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ เข้าควบคุมเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศสหรัฐประมาณ 12 ครั้ง ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสมัยการประท้วงเรียกร้องสิทธิพลเมือง
อาจกล่าวได้ว่า กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ คือกองทหารของมลรัฐและเขตปกครองพิเศษของสหรัฐฯ ซึ่งมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและบรรเทาสาธารณะภัยภายในมลรัฐเป็นหลัก ไม่ใช่การทำสงครามกับศัตรูภายนอกประเทศโดยตรง และแม้ว่าจะถูกฝึกหรือให้รับมือกับการจลาจลและประชาชนมาโดยเฉพาะ แต่การที่พวกเขาสามารถใช้อาวุธปราบปรามผู้ชุมนุมหรือใช้อาวุธในการควบคุมสถานการณ์ ก็อาจทำให้เกิดการสูญเสียถึงชีวิตขึ้นได้
บางคนเรียกกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิว่า “ทหารบ้าน” ทำหน้าที่ควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อยในมลรัฐที่สังกัดอยู่ ส่วนหนึ่งก็เป็นประชาชนคนธรรมดาที่ไปรับการฝึกแล้วมาทำงานในค่ายเป็นบางเวลาเท่านั้น ต่างกับกำลังพลที่ทำเต็มเวลามักจะเป็นนายทหารประทวนและสัญญาบัตร
นายโรเบิร์ต โอไบรอัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ แถลงเมื่อวันอาทิตย์ (31 พ.ค.)ว่าการเคลื่อนไหวของกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิในรัฐต่าง ๆ ในเวลานี้ เป็นไปตามอำนาจอันชอบธรรมของผู้ว่าการรัฐและนายกเทศมนตรี เป้าหมายเพื่อปกป้องและรักษาความสงบในเมืองของตัวเอง และปฏิเสธกระแสข่าวว่า ประธานาธิดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการ "รวบอำนาจ" การบัญชาการกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิจากที่ขึ้นตรงกับผู้ว่าการรัฐ ให้มาอยู่ภายใต้คำสั่งจากส่วนกลางเป็นการชั่วคราว โดยนายโอไบรอันกล่าวว่า ทำเนียบขาวสนับสนุนการดำเนินงานของทุกรัฐ "ตามความเหมาะสม" ในการใช้อำนาจสั่งการกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดวานนี้ (1 มิ.ย.) ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ออกมาแถลงว่า สถานการณ์ประท้วงเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้นาย “จอร์จ ฟลอยด์” ชายผิวสีที่เสียชีวิตหลังจากตำรวจผิวขาวใช้หัวเข่ากดคอเขาไว้กับพื้นนานเกือบ 9 นาทีในเมืองมินนิอาโปลิส เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ลุกลามการเป็นการจลาจลเรียกร้องความเท่าเทียมทางสีผิวไปทั่วประเทศ
“รัฐบาลไม่เคยขัดขวางการชุมนุมประท้วงและการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เป็นไปตามกรอบกฎหมาย แต่หลายวันที่ผ่านมามีการจี้ปล้น ทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ ซึ่งถือเป็นการก่อการร้ายภายในชุมชน ผู้ที่เกี่ยวข้องกับพฤติการณ์ดังกล่าวต้องถูกลงโทษสถานหนักตามกฎหมาย” ผู้นำสหรัฐประกาศกร้าว พร้อมมีคำสั่งเด็ดขาดให้นายกเทศมนตรีของเมืองต่างๆ และผู้ว่าการรัฐ ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นมากขึ้นจนกว่าความรุนแรงจะสงบลง
ไม่เช่นนั้น เขาจะประกาศคำสั่งเคอร์ฟิว “ในระดับรัฐบาลกลาง” และจะบังคับใช้กฎหมายปีค.ศ. 1807 หรือเมื่อ 213 ปีที่แล้ว เพื่อที่ประธานาธิบดีจะเป็นผู้สั่งเคลื่อนกำลังพลของกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิทั่วประเทศ เข้าควบคุมสถานการณ์
อ่านเพิ่มเติม
“ทรัมป์”ขู่ใช้กฎหมาย 200 ปี สยบการจลาจลในสหรัฐ
“เคอร์ฟิว” เมืองใหญ่สหรัฐ ขอกองกำลังควบคุมสถานการณ์
“เทย์เลอร์ สวิฟต์” เปิดศึก “ทรัมป์” คนนับล้านกดไลค์
ประท้วง "สหรัฐ" ม็อบเดือดลามทั่ว ทวง “ความเป็นธรรม” แด่คนผิวสี
เทย์เลอร์ สวิฟต์ ทวีตเดือด ขู่โหวตไล่ “ทรัมป์” พ้นตำแหน่งพ.ย.นี้