"สะเต็มศึกษา"ทางรอดมนุษย์ยุคหลังโควิด-19

13 มี.ค. 2564 | 05:00 น.

"สะเต็มศึกษา" ทักษะสำคัญการดำเนินธุรกิจและพัฒนาคุณภาพชีวิตยุคใหม่ เผยควรปูพื้นฐานเยาวชน เพื่อยกระดับความสามารถ ให้สนองความต้องการของการโลกการทำงานแห่งอนาคต

นายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด แสดงทัศนะในเรื่องนี้ว่า เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ความรู้ด้านสะเต็มศึกษาเป็นทักษะขั้นพื้นฐานที่สำคัญ ที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตและพัฒนาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า โดยเฉพาะในยุคหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตและกอบกู้วิกฤตนี้ เช่น การคิดค้นวัคซีนป้องกันโรค การทำงานหรือการศึกษาผ่านออนไลน์ หรือการใช้โดรนและหุ่นยนต์ทดแทนแรงงานมนุษย์ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าการเตรียมพร้อมเยาวชนให้ได้รับโอกาสการเรียนรู้ทางด้านสะเต็มอย่างครอบคลุมทั่วทั้งประเทศถือเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องเข้ามาสนับสนุนอย่างเร่งด่วน เพื่อให้พวกเขามีทักษะความสามารถตรงกับความต้องการของโลกแห่งการทำงานในอนาคต และพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงซึ่งอาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต

"สะเต็มศึกษา"ทางรอดมนุษย์ยุคหลังโควิด-19

ด้วยเหตุนี้ UNILAB Foundation จึงได้ร่วมมือกับ องค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ Southeast Asian Ministers of Education Organization – SEAMEO และภาคีเครือข่ายด้านการจัดการศึกษา STEM ในการจัดงาน Integrated STEM Leadership Summit in Asia ครั้งที่ 2 รูปแบบออนไลน์ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยมีการเชิญผู้นำองค์กรและหน่วยงานด้านสะเต็มศึกษาระดับโลกจากนานาประเทศมาแสดงวิสัยทัศน์และสร้างกลุ่มตัวแทนผู้นำทางความคิดด้านสะเต็มศึกษา เพื่อเป็นตัวกลางระหว่างภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม และนำไปสู่การพัฒนาสะเต็มศึกษาซึ่งเป็นทักษะสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต 

บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมการอภิปรายและแสดงทรรศนะต่อความสำคัญของสะเต็มศึกษา ซึ่งเป็นทักษะการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 และเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นของในตลาดแรงงานแห่งอนาคตที่วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินธุรกิจและพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษยชาติให้ดีขึ้นและรับมือกับทุกสถานการณ์ได้ดีกว่าในอดีตที่ผ่านมา

"สะเต็มศึกษา"ทางรอดมนุษย์ยุคหลังโควิด-19

เชฟรอนเป็นบริษัทพลังงานที่มีส่วนสำคัญในการบุกเบิกและพัฒนาอุตสาหกรรมการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทยมาตั้งแต่เริ่มต้น นอกเหนือจากพันธกิจในด้านการจัดหาพลังงาน ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของการศึกษา เพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรมาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขา สะเต็ม เข้าสู่อุตสาหกรรมปิโตรเลียมและอุตสาหกรรมหลักต่างๆ ของประเทศ 

เชฟรอนได้ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในโครงการ Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต ที่ดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง มา 6 ปี โดยมีวัตถุประสงค์ต่อยอดและเสริมสร้างศักยภาพของพันธมิตรโครงการที่ประกอบไปด้วยองค์กรภาครัฐต่างๆ อันนำมาซึ่งการพัฒนาการเรียนรู้สะเต็มของเยาวชนให้มีความมั่นคงและยั่งยืน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

และด้วยสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในยุคหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ความท้าทายทางสังคมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อตลาดแรงงาน เช่น การปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงในการดำเนินธุรกิจหรืออุตสาหกรรมจากการประยุกต์ ใช้เทคโนโลยีดิจิตอลและเครื่องจักรต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้แรงงานที่มีความรู้ความสามารถทางด้านนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นทรัพยากรบุคคลที่ยังขาดแคลนอยู่ เมื่อเทียบกับนานาประเทศ จึงทำให้หลายองค์กรไม่สามารถค้นหาแรงงานที่ตรงกับความต้องการของแต่ละองค์กรได้ 

"สะเต็มศึกษา"ทางรอดมนุษย์ยุคหลังโควิด-19

เชฟรอนจึงเดินหน้าพัฒนาด้านการศึกษาทางด้านสะเต็มอีกครั้ง ผ่านโครงการ Career Academies ที่เป็นโมเดลการเตรียมพร้อมด้านสะเต็มศึกษาล่าสุด ภายใต้โครงการ Chevron Enjoy Science โดยมุ่งเน้นการสร้างโอกาส ในการเข้าสู่อาชีพของเยาวชน ที่เป็นที่ต้องการของภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ (Service Sector) ของกลุ่มอุตสาหกรรม S-Curve ที่ประเทศไทยกำลังขาดแคลนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในวิกฤตโควิด-19 เช่นนี้ 

อาทิ ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ในการคิดค้นวัคซีนสำหรับป้องกันโควิด-19 เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ รวมถึงด้านคอมพิวเตอร์และไอที ที่ในปัจจุบันการเรียนหรือแม้แต่การทำงาน ก็มีการปรับเปลี่ยนมาเป็น Work From Home ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ศึกษาเล่าเรียน หรือแม้แต่การประกอบอาชีพผ่านทางออนไลน์กันมากขึ้น ด้วยการอบรมพัฒนาทักษะด้านอาชีพในสายต่างๆ เหล่านี้ ด้วยองค์ความรู้ที่บูรณาการความรู้ในทักษะสะเต็มทั้ง 4 สาขา ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างทักษะจำเป็นอื่นๆ ในการทำงาน อาทิ ทักษะการสื่อสาร ภาษา และทักษะทางด้านไอที ซึ่งเป็นพื้นฐานของทุกอาชีพ เพื่อผลิตกำลังคนคุณภาพเข้าสู่ตลาดแรงงาน เพื่อสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองให้ได้เร็วที่สุด

ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการศูนย์ภูมิภาคว่าด้วยสะเต็มศึกษาขององค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ความรู้และความสามารถทางด้านสะเต็ม เป็นสิ่งที่ในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว ต่างให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นพื้นฐานที่ก่อให้เกิดการพัฒนาที่มั่นคงและต่อเนื่อง และนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประเทศ นั่นเป็นเพราะว่าการเรียนรู้ด้านสะเต็มนั้น เป็นการประยุกต์ใช้ องค์ความรู้ ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ไปแก้ปัญหา หรือคิดค้นสิ่งใหม่เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ผ่านกระบวนการคิด สร้างสรรค์เชิงวิศวกรรม เป็นการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาทั้งผู้เรียนและผู้สอนอยู่ตลอดเวลา ก่อให้เกิดการพัฒนาทางความคิดสร้างสรรค์ ที่นำมาซึ่งความเป็นไปได้และผลลัพธ์ที่สามารถต่อยอดไปได้ เป็นความรู้และทักษะที่ประเมินค่ามิได้ในอนาคต 

คนไทยทุกคนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนควรให้การสนับสนุนการศึกษาทางด้านสะเต็มแก่เยาวชนไทย เพื่อให้พวกเขายกระดับประสิทธิภาพตัวเองให้ทันต่อโลกแห่งอนาคต พร้อมรับมือกับการทดแทนแรงงานคนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตลอดจนถึงทุกความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหายากจน ปัญหาว่างงาน ปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีส่วนช่วยในพัฒนาประเทศในด้านอื่นๆ โดยเฉพาะในยุคหลังการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เพื่อกอบกู้วิกฤตให้ทุกคนในประเทศสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้อย่างมั่นคง