ประกาศคำสั่งศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ วางข้อกำหนดป้องกันโควิด-19

30 ธ.ค. 2563 | 20:59 น.

ราชกิจจานุเบกษาประกาศคำสั่งศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ วางข้อกำหนดเกี่ยวกับการตรวจกิจกรรมที่มีประชาชนจำนวนมาก สถานประกอบการใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย  การตั้งจุดตรวจ การสกัดการลักลอบเข้าเมือง 

 

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงที่ 31/2563 เรื่อง การปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 10)  


เพื่อให้การปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 15) เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาศัยอำนาจตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2563 ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้อ3 (6)ข้อ4 และข้อ 5 คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 39/2563 ลงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด- 19) เพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) และคำสั่งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ที่ 1/2563 ลงวันที่ 27 มีนำคม พ.ศ. 2563 เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ข้อ1 จึงกำหนดแนวทางการปฏิบัติ ดังนี้

 

1. ให้การปฏิบัติตามคำสั่งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงในเรื่องปรับการตั้งจุดตรวจควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด- 19 จัดตั้งคณะตรวจการประกอบกิจการและกิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลาย แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ มอบหน้าที่และอำนาจ และแต่งตั้งหัวหน้าคณะตรวจการประกอบกิจการและกิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลาย ยังมีผลบังคับใช้โดยปรับการปฏิบัติให้สอดคล้องกับแนวทางที่กำหนดต่อไปรวมทั้งดำรงความต่อเนื่องในการตรวจกิจการและกิจกรรมที่มีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก และสถานประกอบการที่มีแนวโน้มการใช้แรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายโดยให้ความสำคัญกับการตรวจสอบผู้ที่เขามาตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนพ.ศ. 2563 ซึ่งไม่ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง มีการอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเป็นลำดับแรก รวมทั้งรณรงค์ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้สถานประกอบการและประชาชนตระหนักและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค ตลอดจนแจ้งเบาะแสแก่ทางราชการ หากพบว่ามีผู้ละเมิดมาตรการป้องกันโรค

 

2. ดำรงความต่อเนื่องในการตั้งจุดตรวจร่วม และชุดสายตรวจร่วม เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้มาตรการห้ามใช้หรือเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงต่อการติดโรค การปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค การห้ามมิให้มีการชุมนุม การทำกิจกรรม หรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ในสถานแออัด อันทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือแพร่ระบาดของเชื้อ หรือการกระทำอันเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนตลอดจนการเฝ้าระวัง ตรวจและคัดกรองการเดินทางและการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ตามที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ได้มีคำสั่ง ประกาศ หรือกำหนดแล้วแต่กรณี 

 

3. เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าตรวจ สกัดกั้น และดำเนินการกับผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยให้ความสำคัญกับการตรวจสอบผู้ที่เข้ามาตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ซึ่งไม่ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง มีการอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเป็นลำดับแรกในเขตรับผิดชอบ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรคโควิด-19และมีสถิติการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งประสานใช้กลไกด้านการปกครองในระดับพื้นที่ในการเฝ้าระวัง ค้นหา และการแจ้งเบาะแสผู้หลบหนีเข้าเมือง ตลอดจนเพิ่มมาตรการการตรวจสอบบุคคลและยานพาหนะในพื้นที่จังหวัดชายแดนและพื้นที่ชั้นใน โดยเฉพาะขบวนการนำพาและผู้เกี่ยวข้องกับผู้หลบหนีเข้าเมือง ทั้งนี้ ให้ดำเนินการสอบสวนผู้กระทำผิดเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายต่อไป

 

4. ให้บรรดาคำสั่ง ประกาศหลักเกณฑ์ หรือมาตรการใดๆ ที่ได้ออกภายใต้หน้าที่และอำนาจของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 6/2563 ลงวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563 เรื่อง กำรจัดโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด- 19 ซึ่งมีผลอยู่ในวันก่อนวันที่คำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับคำสั่งนี้

 

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป

 

สั่ง ณ วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2563

 

พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง

 

ประกาศคำสั่งศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ วางข้อกำหนดป้องกันโควิด-19

 

ประกาศคำสั่งศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ วางข้อกำหนดป้องกันโควิด-19