มอ.ผนึกยักษ์ขนส่งทางราง พลิกป่าตองฟื้นศก.2แสนล้านหลังโควิด

30 ม.ค. 2564 | 07:23 น.

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) ผนึกยักษ์ใหญ่การขนส่งทางรางร่วมเทศบาลป่าตองพลิกฟื้นเศรษฐกิจ2แสนล้านหลังโควิด

 

 

 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ. )วิทยาเขตภูเก็ต รองศาสตราจารย์ ดร.พันธ์ ทองชุมนุม รองอธิการบดีวิทยาเขตภูเก็ตได้เป็นประธานการลงนามข้อตกลงร่วมมือพัฒนาภูเก็ตเป็นเมืองเขียวอัจฉริยะด้านการท่องเที่ยวและด้านคมนาคมขนส่งเขียว ผู้ลงนามความร่วมมือ 5 ฝ่าย ที่ศูนย์ประสานการส่งเสริมสุขภาพอันดามัน เมื่อวันี่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เทศบาลเมืองป่าตอง บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด บริษัท พรีเซ้นต์ เทคโนโลยี จำกัด และกฎบัตรสุขภาพ สมาคมการผังเมืองไทย

 

โดยรองศาสตราจารย์ ดร.พันธ์ ทองชุมนุมกล่าวว่า การลงนามพัฒนาเมืองเขียวอัจฉริยะในครั้งนี้ เป็นไปตามเจตนารมณ์และเป้าหมายของมหาวิทยาลัยในการสร้างการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนพลิกฟื้นเศรษฐกิจจังหวัดภูเก็ตด้วยการเตรียมการวางแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวรองรับผู้เยี่ยมเยือนกลุ่มใหม่ที่จะเข้ามายังจังหวัดภูเก็ตหลังจากการระบาดของโควิดลดลงและรัฐบาลได้เปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทย

 

ในการลงทุนระบบคมนาคมขนส่งเขียวนั้น เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและจังหวัดภูเก็ตที่ต้องการพัฒนาระบบการขนส่งและการเดินทางที่ไม่สร้างปัญหาสภาพแวดล้อม ตนเองเห็นด้วยที่เมืองป่าตองจะมีระบบขนส่งมวลชนระบบไฟฟ้าให้บริการเชื่อมต่อภายในพื้นที่ เป็นการลดมลภาวะและสร้างความสะดวกสบายแก่นักท่องเที่ยวรวมทั้งประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมหาวิทยาลัยจะสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญและทรัพยากรเพื่อให้เทศบาลเมืองป่าตองและนักลงทุนเอกชนได้พัฒนาจนบรรลุวัตถุประสงค์

 

 

มอ.ผนึกยักษ์ขนส่งทางราง พลิกป่าตองฟื้นศก.2แสนล้านหลังโควิด

 

 

ด้านนายมารุต ศิริโก กรรมการผู้จัดการบริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด ได้ยืนยันความพร้อมการสนับสนุนการศึกษาเพื่อวางแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเมืองอัจฉริยะด้านการท่องเที่ยวและด้านคมนาคมขนส่งเขียว นายมารุตกล่าวว่า ในปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ร่วมกับเทศบาลเมืองป่าตองและกฎบัตรไทยสำรวจลักษณะทางกายภาพพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เน้นพื้นที่เทศบาลเมืองป่าตอง เพื่อเตรียมแผนการลงทุนเคเบิลคาร์และชิงช้าสวรรค์พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้อง

มอ.ผนึกยักษ์ขนส่งทางราง พลิกป่าตองฟื้นศก.2แสนล้านหลังโควิด

เช่น สกายวอร์กและลิฟท์แก้ว บนพื้นที่หลายบริเวณเพื่อให้เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าชมทัศนียภาพมุมสูงของหาดป่าตองและพื้นที่โดยรอบ พบว่า เมืองป่าตองมีพื้นที่หลายบริเวณที่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้และมีศักยภาพระดับสูงในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดหลังจากการลงนามในวันนี้แล้ว เอเอ็มอาร์ เอเซีย จะร่วมกับเทศบาลเมืองป่าตองและกฎบัตรไทยกำหนดตำแหน่งที่ตั้งและเส้นทางของเคเบิลคาร์ ชิงช้าสวรรค์และสกายวอร์ก

 

โดยจะนำข้อมูลที่ได้มารับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน ให้ประชาชนชาวป่าตองและผู้ประกอบการในพื้นที่เป็นผู้เลือกตำแหน่งที่ตั้งและเส้นทางที่เหมาะสมกับสภาพของพื้นที่ สนับสนุนการประกอบการของผู้ประกอบการเดิม ไม่บดบังทัศนียภาพอันงดงามตามธรรมชาติของเมืองป่าตอง เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดและของประเทศ

 

 

 

 

ในส่วนของระบบขนส่งมวลชนไฟฟ้าของจังหวัดภูเก็ตนั้น เนื่องจาก เอเอ็มอาร์ เอเซีย ได้มีแผนที่จะศึกษาและพัฒนาระบบขนส่งมวลชนไฟฟ้าและสถานีอัดประจุไฟฟ้าหรือ EV Charger เพื่อติดตั้ง EV Charger ในพื้นที่เกาะภูเก็ต โดยจะศึกษาเชิงลึกเพื่อดำเนินการในพื้นที่ของเทศบาลเมืองป่าตองก่อนเป็นอันดับแรกในปี 2564 ส่วนระบบขนส่งมวลชนนั้น เอเอ็มอาร์ เอเซีย จะหารือเพิ่มเติมกับเทศบาลเมืองป่าตองและสำนักงานขนส่งจังหวัดเพื่อขออนุญาตเส้นทาง ซึ่งจะร่วมกับผู้ประกอบการขนส่งมวลชน

 

ที่ดำเนินการอยู่แล้ว รวมทั้งผู้ให้บริการรถแท็กซี่และมอเตอร์ไซด์รับจ้างพิจารณาตำแหน่งจุดจอดรถหรือป้ายจอดรถที่ไม่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ให้บริการเดิม สร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความงดงามและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามายังเมืองป่าตอง สำหรับรูปแบบการให้บริการจะมีมาตรฐานเช่นเดียวกับรถไฟฟ้าสายสีทองที่ เอเอ็มอาร์ เอเซีย ร่วมกับบีทีเอสให้บริการ ทั้งบริการบัตรโดยสารดิจิทัล ป้ายรถเมล์อัจฉริยะ ที่จอดรถอัจฉริยะ หรือบริการที่เกี่ยวเนื่องกับระบบขนส่งมวลชนทั้งหมด

 

นายฐาปนา บุณยประวิตร นายกสมาคมการผังเมืองไทย ในฐานะกรรมการและเลขานุการกฎบัตรไทยและกฎบัตรสุขภาพให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดคลื่นลูกใหม่ของการพัฒนาเมืองและเศรษฐกิจ เป็นการระดมทรัพยากรจากมหาวิทยาลัย เทศบาลและบริษัทผู้ลงทุนเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิดให้กับจังหวัดภูเก็ต โดยกฎบัตรสุขภาพอันดามัน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จะเป็นผู้ประสานการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน การประสานหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนให้ร่วมกันขับเคลื่อนการลงทุนทางเศรษฐกิจ โดยใช้ฐานการวิจัยองค์ความรู้ของกฎบัตรในการสร้างสรรค์งานออกแบบ นวัตกรรม และรูปแบบเศรษฐกิจใหม่ของเมืองที่สอดคล้องกับพฤติกรรมและสภาวะ new normal ที่เกิดขึ้นหลังโควิด

 

คาดว่า ในเดือนพฤษภาคม 2564 หลังจากเทศบาลและบริษัทฯ ได้สรุปทางเลือกตำแหน่งที่ตั้งและเส้นทางของเคเบิลคาร์และระบบขนส่งมวลชนไฟฟ้าแล้ว กฎบัตรฯ จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็น เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันพิจารณาเส้นทางและที่ตั้งอย่างละเอียด และให้เสียงส่วนใหญ่เป็นผู้สรุปรูปแบบการพัฒนา ตำแหน่งที่ตั้งและเส้นทาง ต่อจากนั้น จะเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอนการขออนุญาต การออกแบบรายละเอียดและการเตรียมการก่อสร้าง ซึ่งจากการหารือไม่เป็นทางการ

 

การลงทุนการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนภายในเขตเทศบาลเมืองป่าตองและ EV Charger น่าจะเริ่มได้ก่อนในช่วงปลายปี 2564 กรณีที่ได้รับอนุญาตเส้นทางและประชาชนให้การสนับสนุน ส่วนการก่อสร้างเคเบิลคาร์และชิงช้าสวรรค์อาจต้องรอการประกาศใช้ผังเมืองรวมเมืองภูเก็ตฉบับใหม่ในช่วงต้นปี 2565 จึงจะสามารถดำเนินการขออนุญาตและก่อสร้างได้สำหรับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จังหวัดภูเก็ตจะได้รับจากการลงทุนนั้น จากการศึกษาเบื้องต้น พบว่า การพัฒนาเมืองภูเก็ตให้เป็นเมืองเขียวอัจฉริยะด้านการท่องเที่ยวและด้านคมนาคมขนส่งเขียวจะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ส่งผลในเชิงบวกต่อการยกระดับทางเศรษฐกิจ การมีสุขภาพและคุณภาพที่ดีของประชาชน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ลดแหลก70% เที่ยวตรุษจีน “ภูเก็ต”

"เทศบาลเมืองป่าตอง" ขอปรับผังเมืองรับพัฒนา "ไมซ์"

เวนคืน กราวรูด 100 ไร่ บ้าน 222 หลัง เจาะอุโมงค์‘กะทู้-ป่าตอง’

ชิงชัยเมืองอัจฉริยะ ‘ภูเก็ต’ชูปลอดภัย ‘บ้านฉาง’แชมป์เทศบาล5จี

รัฐ ดัน ท่องเที่ยววิถีใหม่ รองรับฟื้นฟู เศรษฐกิจ หลังโควิด