คอนโดหรู ทางเลือกใหม่หลังสงครามไวรัส

28 เม.ย. 2563 | 03:40 น.

จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนัก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่อาจจะต้องเผชิญกับความปกติแบบใหม่ (New Normal) ในอนาคต ผลพวงจากพฤติกรรมคนเมืองเปลี่ยนไป สืบเนื่องในช่วงเกิดเหตุแพร่ระบาด แทบทุกองค์กรสนับสนุนให้พนักงานทำงานจากบ้าน (Work from Home) เพื่อความปลอดภัยบุคลากร ลดความเสี่ยง และลดการแพร่ระบาดของเชื้อ

กรณีดังกล่าว ส่งผลให้หลายคนมองว่าคอนโดมิเนียมที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน มีขนาดเล็กและคับแคบเกินไป เมื่อต้องกักตัวในพื้นที่ที่จำกัดเป็นระยะเวลานาน ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มมีมุมมองที่เปลี่ยนไป อยากได้ห้องพักขนาดใหญ่มากขึ้น ทั้งนี้ คอนโดมิเนียมหลายโครงการในหลายปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการผลิตห้องพักขนาดเล็ก เพื่อให้ราคาขายต่อยูนิตลดลง ช่วยให้ขายได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น เนื่องจากเป็นราคาที่คนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงได้ง่าย เช่น ขนาดเริ่มต้นที่ประมาณ 22 ตารางเมตร

คอนโดหรู ทางเลือกใหม่หลังสงครามไวรัส

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสารคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย คาดการณ์ว่า หลังจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 สิ้นสุดลง ตลาดคอนโดมิเนียมหรูระดับ Super Luxury ราคาขายเฉลี่ยมากกว่า 250,000 บาทต่อตารางเมตร จะเป็นอีกตัวเลือกที่ดีของกำลังซื้อชาวไทยและต่างชาติที่ต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ใจกลางเมืองที่นอกเหนือจากตลาดแนวราบ

จากขนาดห้องพักมีมีขนาดใหญ่ ไม่แออัดสามารถพักอาศัยได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่รู้สึกว่าคับแคบจนเกินไป บวกกับรูปแบบโครงการ ที่ผู้ประกอบการมีการนำเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของความหรูหราและความเป็นส่วนตัว อีกปัจจัยก็คือ คอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury ในประเทศไทย ส่วนใหญ่เน้นความเป็นส่วนตัว จำนวนยูนิตค่อนข้างน้อย บวกกับเรื่องของทำเลที่ตั้งที่ถือว่าแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน

 

สำหรับลูกค้าต่างชาติ ผลจากที่ประเทศไทยควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เป้นอย่างดีจนได้รับคำชมจากนานาประเทศทั่วโลก จุดนี้อาจส่งผลให้หลายประเทศมองประเทศไทย จะเป็นบ้านหลังที่สองที่ปลอดภัยของพวกเขา และทราบกันดีว่าในช่วงที่ผ่านมากลุ่มลูกค้าจีนเข้ามาเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศไทย ดังนั้น การควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ค่อนข้างมีมาตรฐานของประเทศไทย อาจเป็นปัจัยบวกที่สำคัญให้กำลังซื้อเหล่านั้นมีความเชื่อมั่น และมองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าอยู่หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สิ้นสุดลง กำลังซื้อต่างชาติอาจกลับมาคึกคักอีกครั้ง 

"ที่สำคัญราคาขายของไทย ยังคงถูกเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียมในหลายประเทศในเอเชีย"

ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในระดับราคาขายเฉลี่ยมากกว่า 250,000 บาทต่อตารางเมตร ณสิ้นปี ไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่ามีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายประมาณ 27 โครงการ จำนวน 6,027 ยูนิต ด้วยมูลค่าการพัฒนาประมาณ 163,370 ล้านบาทขายไปแล้วประมาณ 4,050 ยูนิต หรือคิดเป็น 67% ของอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดเหลือขายประมาณ 1,977 ยูนิต หรือคิดเป็น 33%

จากอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดประมาณ 35 โครงการ ประมาณ 6,027 ยูนิต พบว่า ผู้ประกอบการพัฒนาเป็นประเภท 1 ห้องนอน มากที่สุดจำนวน 2,581 ยูนิต หรือคิดเป็น 42.8% รองลงมาเป็นประเภท 2 ห้องนอน 2,509 ยูนิต หรือคิดเป็น 41.6% และรูปแบบ 3 ห้องนอนขึ้นไปที่ประมาณ 901 ยูนิต หรือประมาณ 14.9% และจากการสำรวจพบว่า รูปแบบสตูดิโอเป็นประเภทห้องมีอัตราการขายที่สูงที่สุดที่ประมาณ 77.7% เนื่องจากอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดเพียงแค่ประมาณ 36 ยูนิตเท่านั้น รองลงมาคือ ประเภท 2 ห้องนอน พบว่าขายไปแล้วประมาณ1,750 ยูนิต หรือคิดเป็น 69.7% จากอุปทานทั้งหมด 2,509 ยูนิต และ ประเภท 3 ห้องนอนขึ้นไปที่สามารถขายไปแล้วประมาณ 1,676 ยูนิต หรือคิดเป็น 66.1%