‘ม็อบจตุพร’ สั่งสมกำลัง ไล่‘ประยุทธ์’

09 เม.ย. 2564 | 06:45 น.

“ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย” เป็นมอตโต้ของ “ม็อบจตุพร” ที่นำโดย ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ใช้ในการเคลื่อนไหวขับไล่ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้ลงจากตำแหน่ง 

การชุมนุมของ “ม็อบจตุพร” ประเดิมขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 เม.ย.2564 ที่ บริเวณสวนสันติพร อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม ถนนราชดำเนิน

ว่ากันว่า จะให้เป็น “ม็อบรวมทุกสีเสื้อ” แต่ปรากฏว่ามีความหลากสีเสื้อเฉพาะผู้ปราศรัยบนเวที แต่ด้านล่างก็ยังเป็น “คนเสื้อแดง” สายจตุพร

นอกจาก ตู่-จตุพร ที่มาปรากฏตัวในวันแรกแล้ว ยังมี อดุลย์ เขียวบริบูรณ์, วีระ สมความคิด, ธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์, การุณ ใสงาม, ไทกร พลสุวรรณ, สมบูรณ์ ทองบุราณ และ ชินวัตร จันทร์กระจ่าง  

รูปแบบการเคลื่อนไหวในวันนั้น การปราศรัยของ ตู่-จตุพร คล้ายๆ กับว่า ย้ายสถานที่การเฟซบุ๊คไลฟ์ โดยมีสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องพีซทีวี เป็นกระบอกเสียง และมีมวลชนมาร่วมกิจกรรม ผู้มาร่วมชุมนุมยังดูไม่มากนัก 

นอกจากชุมนุมวันที่  4 เม.ย.แล้ว ยังได้ชุมนุมวันที่ 5 เว้นวันที่ 6 และชุมนุมต่อในวันที่ 7 เม.ย.

สำหรับข้อเรียกร้องของ “ม็อบจตุพร” ประกอบด้วย ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากตำแหน่ง, ต้องปล่อยคนที่ถูกจับกุมในข้อหาผิด ม.112 โดยต้องให้มีการประกันตัวแกนนำม็อบ ที่ถูกจับกุมตัวไป ทั้งยังเรียกร้องให้ประชาชนที่มีความคิดเห็นตรงกันให้ออกมาแสดงพลัง ร่วมแรงร่วมใจออกมาสู้ เรียกร้องให้ประสบความสำเร็จให้จงได้

“ในช่วง15 ปีที่ผ่านมา คนไทยมีความขัดแย้งกันเอง เจ็บปวดสูญเสีย แต่คนที่ได้ประโยชน์จากความแตกแยกของคนไทยคือ พล.อ.ประยุทธ์ มีคนไม่สบายใจว่าคนเสื้อเหลือง เสื้อแดง ขึ้นเวทีร่วมกันได้อย่างไรนั้น เรื่องอื่นเอาไว้ก่อน ตอนนี้ต้องขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งมีคนถามว่าถ้าไม่เอาประยุทธ์ จะเอาใครประเทศไทยไม่มีประยุทธ์แล้วจะต้องสิ้นชาติหรือไม่ ดังนั้น ใครก็ได้ในแผ่นดินนี้ที่ไม่ใช่ประยุทธ์” จตุพรระบุตอนหนึ่งในการปราศรัย ทั้งชัดเจนว่า เหตุที่ต้องออกมาขับไล่ พล.อ. ประยุทธ์ เพราะเรื่องการไม่แก้ไขแก้รัฐธรรมนูญ 

 

‘ม็อบจตุพร’  สั่งสมกำลัง ไล่‘ประยุทธ์’

 

“เราจะชุมนุมกันอีกหลายวัน พร้อมหรือเปล่า ระหว่างประยุทธ์กับเราใครจะอึดกว่ากัน 7 ปีนี้ทุนผูกขาดได้ประโยชน์สูงสุด ในขณะที่คนไทยเดือดร้อน จึงไม่อาจทนประยุทธ์ได้ การชุมนุมของเราไม่ได้มาเล่นๆ เราเคยสู้กับสุจินดาอย่างไร จะสู้กับประยุทธ์อย่างนั้น” จตุพร ระบุ

พร้อมระบุว่า เราพร้อมต้อนรับทุกฝ่ายหลอมรวมคนไทยไม่เอาเผด็จการ ต้อนรับทุกฝ่ายมาจัดการประยุทธ์ เรื่องใหญ่มีเรื่องเดียวคือ ประยุทธ์ออกไป จะจัดชุมนุมต่อเนื่องทุกวัน ยกเว้นวันที่มีการจัดกิจกรรมขับไล่ประยุทธ์ โดยใช้สวนสันติพรแห่งนี้เป็นฐานปฏิบัติการ

 

จตุพร ยังให้เสัมภาษณ์ยืนยันว่า ต้องยอมรับความจริงว่า ความขัดแย้งตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้คู่ขัดแย้งมารวมกัน แต่ตนอยากทำสิ่งนี้ให้กับนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ในช่วงสุดท้ายของชีวิตที่ต้องการให้บ้านเมืองดีขึ้น คาดว่าหลังสงกรานต์จะมีความชัดเจนในการเคลื่อนไหวมากขึ้น

“วันนี้เราอยู่ในสภาพนํ้าไม่เต็มแก้วไปก่อน ใครพร้อมก่อนก็มาก่อนเป็นสามัคคีเฉพาะหน้า เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นปัญหาของชาติในหลายมิติ” 

ด้าน เต้น-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. ซึ่งยังไม่ได้ออกมาร่วมชุมนุมกับม็อบจตุพร ได้ตั้งข้อสังเกตถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า เป็นการรวมตัวกันของแกนนำทุกฝ่าย ผู้รักประชาธิปไตยที่มาแสดงตัว น่าจะเป็นการรวมตัวกันภายใต้เป้าหมายเฉพาะหน้าทางการเมือง คือ ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่เห็นรูปธรรมของการรวมตัวกันเชิงอุดมการณ์ ทั้งในระดับแกนนำ ผู้ปราศรัย ประชาชนผู้ชุมนุม คงจะไปคาดหวังรวบรัดเอาเร็วคงลำบาก เพราะเพิ่งเริ่มกันวันแรก ยังมีนัดหมายวันต่อไป

“ต้องดูพัฒนาการตรงนี้ว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการหลอมรวมทางอุดมการณ์ได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร ผมมองได้ 2 แบบ อาจจะเติบโตขยายตัวเป็นการชุมนุมขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว เพราะเป้าหมายสอดคล้องกับความต้องการของผู้คน หรืออาจจะมีความแตกต่างกันทางอุดมการณ์ เนื้อหาสาระ จนทำให้ความเคลื่อนไหวก้าวเดินได้ไม่เร็วนัก” เต้น-ณัฐวุฒิ ระบุ

 

ไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊ก paisal puechmongkol ตั้งข้อสังเกตของม็อบรวมสี ว่า 

1. ลบล้างคำปรามาสจากหลายฝ่ายที่ว่าจุดไม่ติดและไม่มีคนเข้าร่วม เพราะต้องบอกว่าจุดติดแล้ว สภาพการณ์หลอมรวมทุกสี ปรากฏชัดเจน ผมไม่เคยไปสังเกตการณ์ม็อบกาเหว่า แต่จากการสังเกตการณ์จิตวิญญาน การชุมนุมของม็อบนี้ ชัดเจนว่าความร่วมมือร่วมใจระหว่างคนสีต่างๆ กลมกลืนกันอย่างยิ่ง

2. ม็อบนี้ชูธงการเมืองสามัคคีประชาไทยไล่ประยุทธ์ ไม่แตะต้องสถาบันจะทำให้ ทุกหมู่เหล่า สามารถเข้าร่วมได้โดยง่าย จะ เกิดกระบวนการไม่มีสู่มี เล็กสู่ใหญ่ อ่อนสู้แข็ง ตามหลักการ กองทัพที่ดีต้องเติบโตท่ามกลางสงคราม

3. จะทำให้กองหนุนพล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถอ้างสถาบันมาปกป้องได้อีก

4. นับตั้งแต่คสช.เรืองอำนาจ ได้ใช้สถานการณ์ความขัดแย้งเป็นประโยชน์อย่างเต็มที่ ดังนั้นพื้นฐานของม็อบนี้ ที่ชูธงสามัคคีประชาชนไทย จึงเท่ากับรื้อรากฐานแห่งอำนาจของคสช.นั่นเอง ม็อบนี้จึงประมาทไม่ได้เด็ดขาด

“ม็อบจตุพร” แรกๆ อาจจะมีคนเข้าร่วมน้อย เหมือนกับ “ม็อบพันธมิตร” ที่มี สนธิ ลิ้มทองกุล เป็นแกนนำ แต่นานไป นานไป และมี “ประเด็นร่วม” มากขึ้น คนก็อาจมามืดฟ้ามัวดิน ก็ได้

ยิ่งเป้าหมายชัดเจน มุ่งไปที่ “พล.อ. ประยุทธ์” ทั้งในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน การครองอำนาจมาเป็นระยะเวลายาวนาน โดยไม่แตะต้องสถาบัน

แนวร่วมกลุ่มต่างๆ ที่มีราว 17 กลุ่มในขณะนี้ อาจหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน ขณะนี้อาจเป็นช่วง “สั่งสมกำลัง” ก็เป็นไปได้... 

 

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,668 หน้า 12 วันที่ 8 - 10 เมษายน 2564