นายกฯพูดชัด “ปรับครม.” ไม่เกินปลายมี.ค.-ต้นเม.ย. (คำต่อคำ) 

02 มี.ค. 2564 | 08:51 น.

“นายกฯบิ๊กตู่” ยืนยันปรับครม.ไวที่สุด ปลายมี.ค.-ต้นเม.ย. วอนการเมืองหยุดกระเพื่อม ย้ำโควตายังเหมือนเดิม – พรรคร่วมยังไม่สงสัญญาณขอปรับ

วันที่ 2 มีนาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) หรือ โฉมหน้า รัฐบาลบิ๊กตู่ 2/3 จะได้ยลโฉมเมื่อไหร่ และคาดว่าจะดูดีขึ้นหรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "เร็วๆนี้" ซึ่งได้มีการหารือกับพรรคการเมืองไว้เรียบร้อยหมดแล้ว สุดท้ายเป็นเรื่องของนายกฯตัดสินใจ ก็จะต้องทำให้เร็วที่สุด และวันนี้เป็นการแต่งตั้งรักษาการเป็นการชั่วคราว ก็คงไม่นานนัก และเป็นการสานต่อแนวทางเดิมจนกว่าจะมีรัฐมนตรีว่าการคนใหม่ขึ้นมา ก็แค่นั้นเอง 

 

ถาม : การปรับครม.ที่มีข่าวว่านายกฯแจ้งในที่ประชุมว่าจะปรับให้เสร็จภายในเดือนมี.ค.หรือต้นเม.ย. ใช่หรือไม่ 

นายกฯ : แล้วยังไง 

 

ถาม : ประชาชนอยากรอดู 

นายกฯ : ก็รอ ก็รอสิ ปลายมี.ค. หรือต้นเม.ย. ก็จะทำให้เร็วที่สุด ทำไมต้องเอาคำพูดนี้ไปแปลเป็นอย่างอื่นอีก มันจบตั้งแต่ความหมายตรงนี้แล้ว ทำไมต้องอธิบายซ้ำอีกไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ 

 

ถาม : จะพิจารณาปรับเฉพาะตำแหน่งที่ว่างลงอย่างเดียวหรือไม่ 
นายกฯ : กำลังคิดอยู่ 

ถาม : มีพรรคร่วมรัฐบาลแสดงเจตนารมณ์ขอปรับรัฐมนตรีในส่วนของตัวเองหรือไม่ 

นายกฯ : ยังไม่มี หรือถ้ามีเดี๋ยวเขาก็บอกมาเอง แต่จากการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคก็ยังไม่มี 

“ฉะนั้นมันขัดแย้งกันเยอะอยู่แล้ว อย่าเอาอะไรกันอีกเลย ผมคิดว่าสามารถควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติที่ดี ทั้งการเมืองและการบริหารแผ่นเดิน เราอยู่อำนาจบริหารก็ต้องบริหาร นิติบัญญัติก็อยู่นิติบัญญัติ ตุลาการก็อยู่ตุลาการ” 

 

ถาม : ที่นายกฯบอกว่าคุยกับพรรคร่วมแล้วมีการปรับโควตาใหม่หรือไม่ 

นายกฯ : ตอนนี้ยังเหมือนเดิม 

 

ถาม : พรรคเล็กมีการรวมตัวแถลงข่าวขอเก้าอี้ 
นายกฯ : ก็แถลงไป เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคที่จะไปคุยกัน ผมพูดอะไรก็ชอบไปแปลความกันต่อ ผมไม่ได้โมโหอะไรเลย และก็ชอบไปพูดกันว่านายกฯเครียด ไม่ได้เครียดอะไร แต่เครียดเพราะคำถามเธอนั่นแหละ 

 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในตอนท้ายของการแถลงด้วยว่า ในเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศหลายอย่างดีขึ้น ซึ่งเกิดจากมาตรการรัฐ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาว 3 วันที่ผ่านมาจะเห็นว่าตัวเลขการสั่งจองโรงแรมต่างๆสูงขึ้น มีการใช้มาตรการคนละครึ่ง เที่ยวด้วยกัน ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลทยอยออกมาเป็นลำดับ ตรงนี้เป็นไปตามแผนงาน ตามงบประมาณที่มีอยู่ รวมถึงงบเงินกู้ด้วย 

“เพียงแต่ขอความร่วมมือ ความเข้าใจกับทุกท่าน ประชาชนทุกคนอันเป็นที่รักยิ่งของผม ช่วยกันทำให้ประเทศชาติเราเข้มแข็ง อย่ามุ่งหมายแต่ทำลายกัน มันไม่ถูกต้อง ประเทศไทยเป็นดินแดนที่อยู่อาศัยของพวกเรามายาวนาน ประกอบอาชีพมายาวนาน ฉะนั้นอะไรก็ตามที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ผมเองไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งใดๆทั้งสิ้น ผมดำรงตนในฐานะนายกรัฐมนตรี หัวหน้ารัฐบาล ด้วยเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นในการที่จะทำให้ประเทศชาติของเราปลอดภัย สงบสุข มีเสถียรภาพ 

ทั้งเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม เรื่องของการเมืองและเรื่องของอะไรต่างๆ วันนี้ผมได้พูดกับครม.ทั้งหมด ขอบคุณในความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ที่ทำให้ทุกอย่างประสบความสำเร็จมาในระดับเป็นที่น่าพอใจ และวันนี้มีหลายวีดีทัศน์ที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของประเทศไทยในหลายมิติด้วยกัน ซึ่งทุกกระทรวงจะทยอยออกมาตามระยะเวลา ไม่ว่าจะเป็นรายวัน รายเดือน หรือราย 3 เดือนต่างๆ ก็จะรวบรวมว่ามีอะไรเกิดขึ้นในประเทศไทยบ้าง เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับรู้ ไม่เช่นนั้นจะถูกเอาไปบิดเบือนทั้งหมด นั่นคือปัญหาของบ้านเรา สิ่งสำคัญที่สุดคือความรักความสามัคคีของพวกเรา อันนี้เป็นปัจจัยสำคัญกว่าอย่างอื่นในขณะนี้”