เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม คดี 39 แกนนำ กปปส.

24 กุมภาพันธ์ 2564

เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม ศาลพิพากษารคดี 39 แกนนำ กปปส. มีทั้งโทษ “จำคุก-รอลงอาญา-ยกฟ้อง”ในความผิดฐานกบฏก่อการร้าย ล้มล้าง การปกครอง ขับไล่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” 

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 9.00 นาฬิกา ศาลอาญาได้นัดฟังคำพิพากษา คดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.๒๔๗/๒๕๖๑ พ่วง อ.๘๓๒/๒๕๖๑, อ.๑๑๘๕/๒๕๖๑, อ.๒๖๐๓/๒๕๖๑, อ.3376/2561, อ.๔๙๑/๒๕๖๒, อ.๗๑๙/๒๕๖๒, อ.๑๓๑๕/๒๕๖๒, อ.๑๗๖๐/๒๕๖๒, อ.๒๓๗๘/๒๕๖๒ ระหว่าง พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ ๔ โจทก์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ ๑ กับพวกรวม ๓๙ คน จำเลย ในความผิดฐานกบฏก่อการร้าย ล้มล้าง การปกครอง ขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๖

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยทั้งหมดแล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 ที่ 8 ที่ 9 ที่ 10 ที่ 12 ที่ 14 ที่ 15 ที่ 16 ที่ 17 ที่ 19 ที่ 20 ที่ 24 ที่ 25 ที่ 26 ที่ 29 ที่ 30 ที่ 33 ที่ 34 ที่ 35 ที่ 37 และที่ 38 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 117 วรรคหนึ่ง, 215 วรรคสอง, 216, 358, 365 (2) (3), 362, 364 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86 และจาเลยที่ 3 ที่ 5 ที่ 8 ที่ 16 ที่ 24 ที่ 33 และที่ 38 มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 76, 152 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 83


การกระทำของจาเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ที่ 7 ที่ 8 ที่ 15 ที่ 16 ที่ 17 ที่ 24 ที่ 29 ที่ 33 ที่ 34 และที่ 38 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษแต่ละกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันกระทาให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทาภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ ฐานร่วมกัน ยุยงให้เกิดการร่วมกันหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาล ฐานร่วมกันบุกรุกสานักงานในความครอบครองของผู้อื่น ฐานร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น 


สำหรับจาเลยที่ 12 และที่ 14 ผิดฐานร่วมกันเป็นผู้สนับสนุนผู้ร่วมกระทำความผิด ฐานร่วมกันยุยงฯ และฐานร่วมกันบุกรุก (เฉพาะจาเลยที่ 12) การกระทำเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการร่วมกันหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาล
จาคุก จาเลยที่ 1 (๒ กระทง), ที่ 3 (6 กระทง), ที่ 4 (5 กระทง), ที่ 5 (6 กระทง), ที่ 6 (1 กระทง), ที่ 7 (4 กระทง), ที่ 8 (2 กระทง), ที่ 9 (1 กระทง), ที่ 10 (1 กระทง), ที่ 15 (3 กระทง), ที่ 16 (3 กระทง), ที่ 17 (2 กระทง), ที่ 19 (1 กระทง), ที่ 20 (1 กระทง), ที่ 24 (2 กระทง), ที่ 25 (1 กระทง), ที่ 26 (2 กระทง), ที่ 29 (2 กระทง), ที่ 30 (1 กระทง), ที่ 35 (1 กระทง) 

ส่วนจำเลยที่ 12 ให้ลงโทษฐานร่วมกันกระทาให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา อันมิใช่ความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ (1 กระทง), ที่ 14 (1 กระทง) จำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน และสำหรับจาเลยที่ 6 ที่ 9 ที่ 10 ที่ 12 ที่ 14 ที่ 19 ที่ 20 ที่ 25 และที่ 35 ให้ปรับกระทงละ 20,000 บาท และปรับจาเลยที่ 17 จานวน 40,000 บาท ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ จำเลยที่ ๑ (๓ กระทง), ที่ 3 (3 กระทง), ที่ 4 (2 กระทง),
ที่ 5 (1 กระทง), ที่ 7 (1 กระทง), ที่ 8 (4 กระทง), ที่ 16 (1 กระทง), ที่ 24 (2 กระทง), ที่ 30 (1 กระทง), ที่ 33 (2 กระทง) และที่ 38 (1 กระทง) จาคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน
 

สาหรับจาเลยที่ 38 ปรับ 20,000 บาท ฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยผู้ใดผู้หนึ่งมีอาวุธ เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก 

ให้จำคุกจำเลยที่ 3 ที่ 5 และที่ 34 คนละ 1 ปี ฐานร่วมกันบุกรุกสานักงานในความครอบครองของผู้อื่นในเวลากลางคืน และฐานทาให้เสียทรัพย์ เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทที่มีอัตราโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุกจาเลยที่ 34 มีกาหนด 1 ปี ฐานร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น 

จำคุกจาเลยที่ 34 และที่ 37 คนละ 6 เดือน และปรับจาเลยที่ 37 จานวน 10,000 บาท ความผิดฐานร่วมกันกระทำการใดโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อมิให้
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใช้สิทธิได้ ให้ลงโทษจำเลยที่ 3 (2กระทง), ที่ 5 (1 กระทง), ที่ 8 (2 กระทง), ที่ 16 (1 กระทง), ที่ 24 (2 กระทง), ที่ 33 (2 กระทง), ที่ 38 (1 กระทง) ให้จาคุกกระทงละ 1 ปี และปรับจาเลยที่ 38 จำนวน 20,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจาเลยที่ 3 ที่ 5 ที่ 8 ที่ 16 ที่ 24 ที่ 33 และที่ 38 มีกาหนด 5 ปี 
ทางพิจารณาจำเลยดังกล่าวนาสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง เห็นสมควรลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 3

ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการร่วมกันหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาล จำคุกจำเลยที่ 1 (๒ กระทง) 2 ปี, ที่ 3 (6 กระทง) 6 ปี, ที่ 4 (5 กระทง) 5 ปี, ที่ 5 (6 กระทง) 6 ปี, ที่ 6 (1 กระทง) 1 ปี, ที่ 7 (4 กระทง) 4 ปี, ที่ 8 (2 กระทง) 2 ปี, ที่ 9 (1 กระทง) 1 ปี, ที่ 10 (1 กระทง) 1 ปี, ที่ 15 (3 กระทง) 3 ปี, ที่ 16 (3 กระทง) 3 ปี, ที่ 17 (2 กระทง) 2 ปี, ที่ 19 (1 กระทง) 1 ปี, ที่ 20 (1 กระทง) 1 ปี, ที่ 24 (2 กระทง) 2 ปี, ที่ 25 (1 กระทง) 1 ปี, ที่ 26 (2 กระทง) 2 ปี, ที่ 29 (2 กระทง) 2 ปี, ที่ 30 (1 กระทง) 1 ปี, ที่ 35 (1 กระทง) 1 ปี 


ส่วนจำเลยที่ 12 ให้ลงโทษ ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา อันมิใช่ความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ (1 กระทง) 1 ปี, ที่ 14 (1 กระทง) 1 ปี และสาหรับจาเลยที่ 6 ที่ 9 ที่ 10 ที่ 12 ที่ 14 ที่ 19 ที่ 20 ที่ 25 และที่ 35 ให้ปรับกระทงละ 13,333 บาท และปรับจาเลยที่ 17 จำนวน 26,666 บาท 

ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา อันมิใช่เป็นการกระทำภายใน ความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ จำเลยที่ ๑ (๓ กระทง) 3 ปี, ที่ 3 (3 กระทง) 3 ปี,
ที่ 4 (2 กระทง) 2 ปี, ที่ 5 (1 กระทง) 1 ปี, ที่ 7 (1 กระทง) 1 ปี, ที่ 8 (4 กระทง) 4 ปี, ที่ 16 (1 กระทง) 1 ปี, ที่ 24 (2 กระทง) 2 ปี, ที่ 30 (1 กระทง) 1 ปี, ที่ 33 (2 กระทง) 2 ปี และ ที่ 38 (1 กระทง) 1 ปี และปรับจำเลยที่ 38 จำนวน 13,333 บาท

ฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กาลังประทุษร้ายก่อให้เกิดความวุ่นวาย ในบ้านเมือง โดยผู้ใดผู้หนึ่งมีอาวุธ เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก ให้จำคุกจำเลยที่ 3 ที่ 5 และที่ 34 คนละ 8 เดือน  

ฐานร่วมกันบุกรุกสานักงานในความครอบครองของผู้อื่นในเวลากลางคืน ให้จำคุก จำเลยที่ 34 มีกาหนด 8 เดือน  

ฐานร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น จาคุกจำเลยที่ 34 และที่ 37 คนละ 4 เดือน และปรับจำเลยที่ 37 จานวน 6,666 บาท 

ฐานร่วมกันกระทาการใดโดยไม่มีอานาจโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อมิให้ผู้มีสิทธิ เลือกตั้งใช้สิทธิได้ ให้ลงโทษจาเลยที่ 3 (2 กระทง) 16 เดือน, ที่ 5 (1 กระทง) 8 เดือน, ที่ 8 (2 กระทง) 16 เดือน, ที่ 16 (1 กระทง) 8 เดือน, ที่ 24 (2 กระทง) 16 เดือน, ที่ 33 (2 กระทง) 16 เดือน, ที่ 38 (1 กระทง) 8 เดือน และปรับจำเลยที่ 38 จำนวน 13,333 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ 3 ที่ 5 ที่ 8 ที่ 16 ที่ 24 ที่ 33 และที่ 38 มีกาหนด 5 ปี

เมื่อรวมทุกกระทงแล้ว

จำเลยที่ 1 คงจาคุก 5 ปี
จำเลยที่ 3 คงจาคุก 9 ปี 24 เดือน
จำเลยที่ 4 คงจาคุก 7 ปี
จำเลยที่ 5 คงจาคุก 7 ปี 16 เดือน
จำเลยที่ 6 คงจาคุก 1 ปี และปรับ 13,333 บาท
จำเลยที่ 7 จาคุก 5 ปี
จำเลยที่ 8 คงจาคุก 6 ปี 16 เดือน
จำเลยที่ 9 คงจาคุก 1 ปี และปรับ 13,333 บาท
จำเลยที่ 10 คงจาคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท
จำเลยที่ 12 คงจาคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท
จำเลยที่ 14 คงจาคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท
จำเลยที่ 15 คงจาคุก 3 ปี

จำเลยที่ 16 คงจาคุก 4 ปี 8 เดือน
จำเลยที่ 17 คงจาคุก 2 ปี และปรับ 26,666 บาท
จำเลยที่ 19 คงจาคุก 1 ปี และปรับ 13,333 บาท
จำเลยที่ 20 คงจาคุก 1 ปี และปรับ 13,333 บาท
จำเลยที่ 24 คงจาคุก 4 ปี 16 เดือน

จำเลยที่ 25 คงจาคุก 1 ปี และปรับ 13,333 บาท
จำเลยที่ 26 คงจาคุก 2 ปี
จำเลยที่ 29 คงจาคุก 2 ปี
จำเลยที่ 30 คงจาคุก 2 ปี
จำเลยที่ 33 คงจาคุก 2 ปี 16 เดือน
จำเลยที่ 34 คงจาคุก 20 เดือน
จำเลยที่ 35 คงจาคุก 1 ปี และปรับ 13,333 บาท
จำเลยที่ 37 คงจาคุก 4 เดือน และปรับ 6,666 บาท
จำเลยที่ 38 คงจาคุก 1 ปี 8 เดือน และปรับ 26,666 บาท

สำหรับจำเลยที่ 6 ที่ 9 ที่ 10 ที่ 12 ที่ 14 ที่ 17 ที่ 19 ที่ 20 ที่ 25 ที่ 35 ที่ 37 และที่ 38 นั้น บางคนเป็นเพียงผู้เข้าร่วมชุมนุมเท่านั้น ส่วนบางคนแม้จะเป็นแกนนาในการชุมนุมด้วยก็ตาม แต่ความผิดที่จาเลยแต่ละคนกระทำก็น้อยกว่าจาเลยอื่น ไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์อุกอาจหรือรุนแรงจากการชุมนุมของจาเลยนี้ ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยดังกล่าวเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยดังกล่าวกลับตัวเป็นพลเมืองดีด้วยการรอการลงโทษมีกำหนดคนละ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 

และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจาเลยที่ 3 ที่ 5 ที่ 8 ที่ 16 ที่ 24 ที่ 33 และที่ 38 มีกำหนด 5 ปี ให้นับโทษจำเลยที่ 15 ที่ 25 ที่ 30 ต่อจากโทษจำเลยดังกล่าวตามคำขอท้ายฟ้อง ส่วนจำเลยอื่นศาลรอการลงโทษ จึงไม่อาจนับโทษต่อได้ ยกฟ้องโจทก์ร่วมทั้งสอง


ยกฟ้องโจทก์ สำหรับจำเลยที่ 2 ที่ 13 ที่ 18 ที่ 21 ที่ 22 ที่ 23 ที่ 27 ที่ 28 ที่ 31 ที่ 32 ที่ 36 และที่ 39

ยกคำขอและข้อหาอื่น จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๑๕ ที่ ๑๖ ที่ ๒๔ ที่ ๒๖ ที่ ๒๙ ที่ ๓๐ ที่ ๓๓ และที่ ๓๔

ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ศาลพิจารณาแล้วเห็นควรส่งคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว

ในส่วนจาเลยที่ ๑ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๗ ที่ ๘ ที่ ๑๖ และที่ ๒๔ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา จากนั้นจึงได้ออกหมายขังและส่งตัวจำเลยดังกล่าวไปขังที่เรือนจาพิเศษกรุงเทพแล้ว 

ส่วนจำเลยที่ ๑๕ ที่ ๒๖ ที่ ๒๙ ที่ ๓๐ ที่ ๓๓ และที่ ๓๔ ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ โดยตีหลักประกัน คน ละ ๖๐๐,๐๐๐ บาท และ
จำเลยที่ศาลรอการลงโทษเมื่อชำระค่าปรับแล้ว จึงปล่อยตัวไปเช่นเดียวกับจำเลยที่ศาลยกฟ้อง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง