“โรม”ชำแหละโยกย้ายตำรวจคาใจตั้ง“บิ๊กต่อ”ข้ามอาวุโส

19 ก.พ. 2564 | 07:26 น.

“โรม”ชำแหละโยกย้ายตำรวจ แฉมี “ตั๋วช้าง” คาใจตั้ง"บิ๊กต่อ" ข้ามอาวุโส อัด "ประยุทธ์-ประวิตร" เปิดทางล้วงลูก และละเว้นกฎเกณฑ์แต่งตั้ง

วันนี้(19 ก.พ.64) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัมนตรีเป็นรายบุคคล นายรังสิมันต์  โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในระเด็นการโยกย้ายตำรวจอย่างไม่เป็นธรรม ว่า  ตั้งแต่สมัยคสช.เป็นต้นมาที่มีการมอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร ดูแลกลับได้ให้ผู้ที่ไม่มีอำนาจหน้าที่เข้ามาบงการการแต่งตั้ง โยกย้าย และเลื่อนตำแหน่ง ละเลยกฎเกณฑ์อันทรงมีจนก่อให้เกิดระบบอุปถัมภ์และการใช้เส้นสาย

ต่อมาเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาก็ยังปล่อยให้ผู้กระทำการเหล่านั้นลอยนวล เพิกเฉยต่ออาชญากรรม แต่กระทำต่อผู้บริสุทธิ์ เปิดบ่อนไม่ว่าค้ายาไม่สอบ เจอเจ้าพ่อแล้วนอบน้อม แต่ถ้าเจอม็อบก็สู้ตาย จากที่จะกลายเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎรก็กลายเป็นผู้พิฆาตประชาชน

ความผิดปกติของการแต่งตั้งโยกย้ายต่อไปนี้ เป็นคำสารภาพของนายตำรวจด้วยกันเอง 2 นาย ที่ระบุถึงการวิ่งเต้นซื้อตำแหน่ง และถ้ามีเงินมีตั๋วมีผลงานด้วยรับรองผ่ายฉลุย ซึ่งมีตั๋วอยู่ในวงการตำรวจ ตั๋วที่มีแล้วจะได้ทุกอย่าง ซื้อตำแหน่งได้ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม

มีเอกสารลงวันที่ 14 มี.ค.62 เรื่องของการสนับสนุนการแต่งตั้งส่งถึงผบ.ตร. เนื้อหาขอรับการสนับสนุนแต่งตั้งตำรวจ 3 นาย อ้างเหตุว่านายตำรวจทั้งสามได้ผ่านการอบรมหลักสูตรจิตอาสา ประเด็นแรกของหนังสือนี้อยู่ที่หน่วยงานที่เขียนขึ้นมาคือกองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ลงชื่อโดยพล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ในฐานะผู้บังคับการตำรวจมหาดเล็ก ราชวัลลภรักษาฯ

 

“ต้องถามว่าพล.ต.ท.ต่อศักดิ์มีหน้าที่ทำเรื่องเช่นนี้ได้ด้วยหรือ และการเขียนขอสนับสนุนฯเช่นนี้ทำตามกฎหมายอะไร เพราะตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาตินั้น ได้ให้แต่ละกองบังคับการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาแต่งตั้งเฉพาะภายในหน่วยงานของตนเองและจึงเสนอต่อเบื้องบน”

ในหนังสือนั้น 3 นายตำรวจอยู่คนละหน่วยและไม่ได้อยู่ในหน่วยของกองบังคับการตำรวจมหาดเล็กฯ ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่สามารถทำได้ แม้แต่กองสอบสวนกลางก็ไม่สามารถกระทำได้ และผู้ที่เป็นแค่ผู้บังคับการฯมามีอำนาจยุ่งเกี่ยวตำรวจที่อยู่นอกหน่วยตัวเองได้อย่างไร แล้วหนังสือนี้ที่ออกมาโดยผู้ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแบบนี้เรียกว่าตั๋วหรือไม่ 

ทั้งนี้เส้นทางอาชีพของ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์  เพิ่งเข้ารับตำแหน่งรองสารวัตรเมื่อปี 2541 ตอนอายุที่ 33 ปี ปกติคนที่ ต่อมาได้เลื่อนขั้นตามปกติและปี 2559 ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษหรือคอมมานโด แต่ความผิดปกติคือในปี 2561 อยู่ๆ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ก็ได้รับการละเว้นหลักเกณฑ์ให้เลื่อนขั้นมา 3 ครั้ง ซึ่งตนมองว่าเขาไม่มีความเหมาะสมแต่ที่ได้มาเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ได้ยกเว้นหลักเกณฑ์ให้ ถ้าจะทำกันเช่นนี้บัญชีผู้เหมาะสมจะมีค่าอะไรมาก การยกเว้นหลักเกณฑ์จึงสร้างความเสียหายต่อโอกาสในหน้าที่การงานของตำรวจที่ปฏิบัติตนตามครรลองเติบโตไปในตำแหน่งที่เขาควรได้

ดังนั้น ข้อกล่าวหาคือ นายกฯ และ พล.อ.ประวิตร ปล่อยให้บุคคลภายนอก สตช.เข้ามาแทรงแซงการแต่งตั้งโยกย้าย ทำให้ตำรวจจำนวนมากต้องไปปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยอื่น ซึ่ง “ตั๋ว” ที่ตนรวบรวมมานั้นมีทั้งของ ผบ.ตร. พล.อ.ประยุทธ์ แต่มีตั๋วอีกหนึ่งประเภทคือเรียกกันว่า "ตั๋วช้าง" มีตำรวจ 20 คนได้รับตั๋วนี้ ระบุว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ในครั้งนั้น

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายรังสิมันต์ ถูกประท้วงคำว่า "ตั๋วช้าง" พร้อมขอประธานฯ ไม่ให้อภิปรายเรื่องตั๋วอีก

 "ระบบที่ไม่เป็นธรรมนี้เราเห็นมันทุกวัน และเราก็อยู่กับมันทุกวัน หลายคนอาจภาวนาว่าสักวันหนึ่งจะมีอัศวินขี่ม้าขาวมาทำร้ายวงจรอุบาทนี้ แต่เราคงได้แต่รออย่างสิ้นหวัง ผมคิดว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เกิดความเปลี่ยน ในการทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎรของผมรู้ว่าครั้งนี้เป็นการทำหน้าที่ที่อันตรายที่สุด ผมไม่รู้ว่าผลของการทำหน้าที่นี้จะเกิดอะไรขึ้นต่อตัวผมหลังจากนี้ 3 วันข้างหน้า หรือ 3 เดือนครั้งหน้าจะพูดแทนพี่น้องประชาชนได้หรือไม่ อะไรจะเกิดขึ้นกับตัวผมก็จะไม่เสียใจกับการได้ทำหน้าที่ในครั้งนี้" นายรังสิมันต์ กล่าว  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการอภิปรายของนายรังสิมันต์ บรรยากาศเป็นไปอย่างดุเดือด ได้มีสมาชิกจากพรรคร่วมรัฐบาล ลุกขึ้นประท้วง ประกอบด้ว ย ไพบูลน์ ตินิตะวัน  ส.ส.พลังประชารัฐ, น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พลังประชารัฐ, นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พลังประชารัฐ, น.ส.ธนิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.พลังประชารัฐ, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.พลังประชรัฐ และ นายรังสิกร ทิมาตฤกะ  ส.ส.ภูมิใจไทย