"บิ๊กป้อม" เปิดใจ "ชีวิตทหาร ไปสนามรบ + นักกีฬา"

15 ก.พ. 2564 | 12:41 น.

ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี "อัญชลี อริยกิจเจริญ" สัมภาษณ์พิเศษ เปิดใจ "พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ" หรือบิ๊กป้อม รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตอน 2 เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2564 เผยชีวิตการเป็นทหาร ผ่านสนามรบ สมัครไปเวียดนาม เรียนรู้การรบที่แตกต่าง และชีวิตวัยเด็ก ที่พร้อมรับใช้ชาติ

ให้เล่าชีวิตในช่วงที่เป็นทหาร เคยผ่านสนามรบอะไรมาบ้าง เพราะปัจจุบันทหารหลายคนไม่ค่อยได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับสนามรบ ในช่วงเป็นทหารวัยรุ่น

พลเอกประวิตร : จบไปก็ไปอยู่ชายแดนเลย ไปอยู่ภูพาน เดินอยู่แถวนั้นประมาณ 8 เดือน แล้วก็สมัครไปเวียดนาม ก่อนจะไปก็ไปฝึกที่เมืองกาญ 6 เดือน ตอนอยู่ชายแดน ปะทะกันเกือบทุกวัน ปี 2512 ก็ลำบาก เพราะขึ้น 15 วัน ลงมา 2 วันพักแล้วขึ้นอีก 15 วัน แล้วก็เดินไปเรื่อยๆ ในภูพาน อยู่ประมาณ 8 เดือนได้ก็มาสมัครไปเวียดนาม ไปเวียดนามปีกว่า ประมาณ 13 เดือน ก็เป็นการรบที่แตกต่างกัน ระหว่างที่เวียดนามกับที่เมืองไทย // โดยเมืองไทยใช้ยิงกัน แต่ที่เวียดนามมีอากาศยาน มาสนับสนุนช่วยเหลือ

ทำไมถึงสมัครใจไปที่เวียดนาม
พลเอกประวิตร : ผมจบมาเป็นทหารราบ ต้องทำการรบ และผมคิดว่าเราจะเป็นผู้ใหญ่ต่อไปในอนาคตต้องผ่านสนามรบทุกสนามที่เราสามารถจะไปได้ จึงสมัครไป ก็ไปรบนั่นแหละ สนามรบที่เวียดนาม การส่งกำลังบำรุงดีกว่าในประเทศไทย ประเทศไทยลำบากกว่า โดย 4 วันส่งอาหารที แต่ที่เวียดนามส่งกันทุกวัน

มีเหตุการณ์ที่รู้สึกประทับใจกับการทำหน้าที่ทหาร
พลเอกประวิตร : มันเยอะมากเลยประทับใจเยอะมาก ต้องยิงกันอะไรกัน ต่อสู้กัน


ในสนามรบต้องระวังตัวเองอย่างไร
พลเอกประวิตร : เราก็ต้องหลบน่ะสิ หลบไม่ให้โดนจะทำยังไง ต้องทำเป้าเราให้เล็กที่สุด ทำตัวเราให้เล็กที่สุด อะไรบังได้ก็บัง

เสร็จจากตรงนั้นกลับมาได้อะไร
พลเอกประวิตร : ได้ประสบการณ์จากการอยู่ในสนาม อยู่กับลูกน้องอยู่กับเพื่อนฝูงอยู่กับผู้ใต้บังคับบัญชา ได้รู้ว่าคนเราเวลาอยู่ในสนามรบเป็นอย่างไร เวลาอดอยากเป็นอย่างไร เพราะกินนอนอยู่ในป่า

อยากให้เด็กรุ่นใหม่หรือทหารใหม่ๆได้รู้ว่าเป็นอย่างไรเพราะเขาจะไม่มีประสบการณ์ในสนามรบ แบบนี้แล้วส่วนใหญ่มีแค่เหตุที่ภาคใต้
พลเอกประวิตร : ใช่ ภาคใต้ก็ยังมีอยู่นะ แต่ว่ามันก็ ไปทางกับระเบิดอะไรพวกนี้มากกว่าที่จะมายิงกันเหมือนสมัยที่ผมเป็นเด็กๆ เป็นร้อยตรี

ชีวิตทหารเด็กๆ ตอนนั้นลำบากไหม กว่าเราจะขึ้นมา
พลเอกประวิตร : โอ๊ย! ลำบากมาก เราก็ไม่รู้ว่าจะขึ้นมาอย่างนี้หรอก แต่เราเป็นทหารเราก็ต้องออกสนามรบ ทำเพื่อประเทศชาติใช่ไหม เราก็ทำตามนโยบายของรัฐบาล ให้เราทำอะไรเราก็ต้องทำตามนั้น เพราะเราอยากเป็นทหารเอง ไม่มีใครเขามานั่นเราหรอก เราสมัครและสอบเข้ามาเอง เราก็มาเป็นเอง ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเท่านั้น เป็นทหารเด็กๆมา ก็ไม่ได้คิดว่าจะมาเป็นใหญ่อย่างนี้หรอก ใครจะไปคิดก็คนมันตั้งเยอะแยะ มันเป็น 3 เหลี่ยมใช่ไหม เติบโตขึ้นมา กว่าจะขึ้นมาถึงข้างบนนี้มันใช้เวลานานมากนะ แล้วต้องเหนื่อยมาก ต้องเหนื่อยมาก

เวลาขึ้นมาถึงข้างบนตำแหน่งมันจะน้อย 
พลเอกประวิตร : ก็น้อยน่ะสิ ใช่ เราจะไปรู้ได้ไง การที่เราจะเติบโตขึ้น ก็ต้องดูว่าผู้บังคับบัญชาจะมองเราอย่างไร เราต้องทำตัวเราให้มีคุณค่าของการที่จะรับใช้ประเทศชาติ รับใช้ประชาชน รับใช้กองทัพ ผู้บังคับบัญชาเท่านั้นที่จะเป็นผู้กำหนดว่าเราควรจะเป็นอะไรต่อไป ไม่มีใครจะไปรู้หรอก รู้ดีเท่ากับตัวผู้บังคับบัญชา ผู้บังคับบัญชาเขาจะมองเราว่าเราดี เราไม่ดี เรานิสัยเป็นอย่างไร ทำงานเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

สมัยท่านรองเป็นทหารเด็กๆ ที่เขาลงโทษ “หัวปักพื้น” ผ่านมาหมดไหม
พลเอกประวิตร : ผ่านหมดอ่ะ ทุกอย่างอ่ะ พวกนี้ (ชี้ไปที่ลูกน้อง) ก็เหมือนกัน ผ่านมาทั้งนั้นแหละ 

มันเป็นธรรมเนียมมาอยู่แล้ว 
พลเอกประวิตร : ใช่ เขาไม่สั่งให้ไปตายหรอก เขาให้ทำตามคำสั่ง เขาฝึกให้คนอยู่ในคำสั่ง

รู้สึกไหมว่าทำไมต้องให้ฉันทำแบบนี้ ทำไมต้องสั่งให้ทำอะไร
พลเอกประวิตร : ไม่มี เราก็อินไปกับการเป็นทหาร ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ผู้บังคับบัญชาว่าอะไรก็ตามนั้น เราเจอผู้บังคับบัญชาดีก็ดี เจอผู้บังคับบัญชาไม่ดีบางทีมันก็มีบ้าง แต่เราไม่เจอ ไม่เคยเจอ

เวลาที่เราขึ้นมาเป็นผู้บังคับบัญชา เราก็เลยไม่ทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ
พลเอกประวิตร : ไม่ทำ อะไรที่ผมเคยน้อยใจ หรือเคยนั่น ผมก็จะไม่ทำกับผู้ใต้บังคับบัญชาเลย 

ตอนเป็นทหารเป็นนักกีฬาหรือมีกิจกรรมอะไร
พลเอกประวิตร : ก็เล่นฟุตบอล เล่นกับเพื่อน กรีฑาก็เล่น

มีรางวัลที่อวดคนอื่นได้
พลเอกประวิตร : อ้าว ก็วิ่งไง วิ่ง 100 เมตรนี่แหละ เคยได้เหรียญทองสมัยก่อนนะ

ไม่มีใครรู้ไงคะ หลายคนคงไม่ได้คิดว่าท่านรองฯ จะเป็นนักวิ่
พลเอกประวิตร : เป็นนักวิ่ง เป็นนักกีฬา เล่นฟุตบอลเล่นอะไรต่างๆ เป็นนักกีฬาโรงเรียนมาตั้งแต่เด็กแล้ว
 

ทุกวันนี้ออกกำลังกายลักษณะไหน
พลเอกประวิตร :  ก็ออกในน้ำอย่างเดียว เดินในน้ำ ช่วยให้กำลังขาดีขึ้น ให้การทรงตัวมันดีขึ้น


หลายวันก่อน ที่มีนักข่าวถามท่านรองฯ บางคำถามแล้วเหมือนท่านรองฯ ไม่ได้ตอบ เดินไปเลย แล้วเดินลิ่ว ทุกคนก็เลยงงว่า ไหนว่าขาท่านรองฯ ไม่ค่อยดี
พลเอกประวิตร :  ก็เดินไม่ไหวแล้ว มันใกล้นิดเดียว จากนั้นจะไปขึ้นรถ ก็เดินเร็วอ่ะสิ เฮ้อ! จะไปงงอะไร ก็เดินใกล้นิดเดียวเอง ไม่ได้เดินไกลที่ไหน เดิน 3 ก้าว มันจะไปเดินยังไงล่ะ เฮอะ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดใจ "บิ๊กป้อม" เคลียร์ปมเป็น “ผู้มีอิทธิพล” ย้ำ 3 ป.ยังซี้ปึ๊ก

“บิ๊กป้อม”ไม่กังวลม็อบ 14 ตุลาฯ 63 เชื่อมาไม่มาก

“บิ๊กป้อม” ไม่ขัดเปิดประชุมสภาแก้วิกฤติชาติ