ล็อกซักฟอก 4 วัน 16-19 โหวต 20 ก.พ. เป้าหลักถล่ม‘บิ๊กตู่’

20 มกราคม 2564

“วิป 2 ฝ่าย” เคาะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล 4 วัน 16-19 ก.พ. ลงมติ 20 ก.พ. 64 “ฝ่ายค้าน” ลั่นพุ่งเป้าที่ “บิ๊กตู่” ฟุ้งมีเซอร์ไพรส์ รมต.ที่ไม่คิดว่าจะโดน ก็จะโดนด้วย 

คณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมฝ่ายค้าน และวิปรัฐบาล ได้หารือกรอบการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ทั้งการประชุมชดเชยเรื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล 

 

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2564 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เป็นประธานการประชุมวิปฝ่ายค้าน และวิปรัฐบาล โดยที่ประชุมมีมติกำหนดให้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อชด เชยการงดประชุมในทุกวันศุกร์ ยก เว้นวันศุกร์ที่ 12 กับวันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 

 

พร้อมกันนี้ได้ กำหนดให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ (ซักฟอก) รัฐบาลของฝ่ายค้าน ในวันที่ 16-19 กุมภาพันธ์ 2564 และลงมติวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 และกำหนดให้วันที่ 24-25 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นการประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ ในวาระที่ 2

 

ส่วนการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ ในวาระ 3 เบื้องต้นกำหนดการขอเปิดสมัยประชุมวิสามัญเพื่อลงมติร่างรัฐธรรมนูญวาระที่ 3 ในวันที่ 17-18 มีนาคม 2564 พร้อมกับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ในวาระที่ 2-3 ด้วย

 

สำหรับการยื่นญัตติของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้รัฐสภาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ที่ประชุมให้รอพิจารณาวันที่เหมาะสม ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา

 

ล็อกซักฟอก 4 วัน  16-19 โหวต 20 ก.พ. เป้าหลักถล่ม‘บิ๊กตู่’

 

 

เป้าซักฟอกถล่ม“บิ๊กตู่”  

 

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการกีดกันส.ส.กลุ่มต่างๆ ในพรรคร่วมฝ่ายค้าน ให้ร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า พรรคทำงานร่วมกัน ไม่ได้ทำงานเฉพาะบางคน ซึ่งประธานกรรมาธิการของพรรค 12 คณะ ตนและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้เชิญแต่ละคนมาพูดคุย 2 รอบ เพื่อดูข้อมูลต่างๆ ส่วนส.ส.ทั่วไปก็ส่งข้อมูลให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคตลอด ไม่ใช่มาเตรียมการอภิปรายหลังปีใหม่ แต่เตรียมตั้งแต่ปลายปี 2563 

 

ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะมีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะอภิปรายนายกรัฐมนตรีเป็นหลัก เพราะดูแลศูนย์โควิด-19 ดูแลตำรวจ และอื่นๆ 

 

“หากข้อมูลเกี่ยวโยงรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีคนใด จะไม่ละเว้น นอกจากนี้จะมีเซอร์ไพรส์ รัฐมนตรีบางคนที่สื่อมวลชนไม่คิดว่าจะโดนก็จะโดนด้วย เพราะมีข้อมูลหนักแน่น” 

 

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า วันที่ 24 มกราคมนี้ เวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย ตนเอง นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี และ นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ จะแถลงข่าวความคืบหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งขณะนี้มีข้อมูลแล้วกว่า 80% แต่ต้องให้ข้อมูลเป็นความลับ เพราะไม่มีใครจะบอกข้อสอบกันล่วงหน้า

 

 

 

20 ม.ค.สรุปปมซักฟอก

 

ด้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส. พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่มีข่าวว่า ส.ส.กลุ่มคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย อาจจะไม่ร่วมอภิปรายด้วยว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนว่า จะให้ใครเป็นผู้อภิปราย จะได้เวลาเท่าไหร่ ประเด็นอะไร ที่ผ่านมาเป็นการหารือกันกว้างๆ 

 

“ตอนนี้ยังไม่มีใครที่ไม่ได้อภิปราย ทุกคนมีโอกาสเท่าๆ กันโดยเฉพาะคนที่เคยได้อภิปรายมาแล้ว เชื่อว่าพรรคยังเห็นความสำคัญและยังอยากให้อภิปรายอยู่ เว้นแต่ว่าข้อมูลไม่พร้อมจริง หรือเจ้าตัวไม่พร้อมจริงๆ และผมเชื่อว่า ทีมงานการ

 

ส่วนที่มีกระแสข่าวชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี อาจจะไม่ถูกพรรคเพื่อไทยอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นจะอภิปราย นายสุทิน กล่าวว่า ถ้าพรรคอื่นอยากอภิปรายก็อภิปรายได้อยู่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ข้อมูล ไม่มีการจำกัดกัน โดยในวันที่ 20 มกราคมนี้ พรรคเพื่อไทยจะประชุมกลั่นกรองอีกรอบหนึ่ง จากนั้นวันที่ 22 มกราคม ช่วงเย็น พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมาประชุมร่วมกันเพื่อสรุปประเด็น ดังนั้น ชื่อใครก็แล้วแต่มีโอกาสถูกอภิปรายทั้งนั้น ยังไม่ได้ตัดชื่อออก

 

 

 

เปิดโผรมต.ถูกซักฟอก

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เป็นรายบุคคล เบื้องต้นรัฐมนตรีที่จะถูกยื่นอภิปราย ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในประเด็นการบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว, ไม่โปร่งใส และสร้าง ความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เน้นไปที่การแก้ไขปัญหาระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นสำคัญ 

 

นอกจากนั้นจะมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ซึ่งประเด็นที่อภิปราย พล.อ.อนุพงษ์ คาดว่าจะโฟกัสไปที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ปล่อยปละละเลย ทำให้เกิดผลกระทบกับผู้โดยสารที่ต้องเสียค่าโดยสารราคาแพง

 

และยังมี ​อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในประเด็นการแก้ปัญหาโควิด-19 ทั้งอาจมี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ปมปัญหาการบริหารจัดการหน้ากากอนามัย, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน จากปมปัญหาการค้าแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย 

 

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,646 หน้า 12 วันที่ 21 - 23 มกราคม 2564