รัฐบาลขานรับ-พร้อมพิจารณาข้อเสนอแนะจากทูต 5 ประเทศ

16 พ.ย. 2563 | 01:03 น.

นายกฯ ขอบคุณข้อเสนอแนะ 10 ข้อจากเอกอัครราชทูต 5 ประเทศ ที่จะช่วยให้ไทยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการระบาดของโรคโควิด-19 ได้แบบเร่งด่วน และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น ย้ำบางข้อก็กำลังดำเนินการอยู่แล้ว

 

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยวานนี้ (15 พ.ย.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ขอขอบคุณเกี่ยวกับ 10 ข้อเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์อย่างมากจาก เอกอัครราชทูต 5 ประเทศ ประกอบด้วย เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย เอกอัครราชทูตอังกฤษ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่น เอกอัครราชทูตเยอรมนี และเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ที่เสนอในเวทีเสวนาผ่านสื่อมวลชน ทุกข้อเป็นประโยชน์ต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศจากผลกระทบโควิด-19 และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่กำลังดำเนินการอยู่ 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ทุกเรื่องจะรับไปพิจารณา และมีหลายเรื่องที่ได้ดำเนินการแล้ว ซึ่งจะพัฒนาให้ดีขึ้นอีกเพื่อครอบคลุมภาคส่วนต่างให้มากขึ้น อาทิ การขับเคลื่อนสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลและปฏิรูประบบราชการ

 

ขณะนี้ส่วนราชการได้ลดขั้นตอนและระยะเวลากว่า 523 ใบอนุญาต ลดสำเนาเอกสารราชการกว่า 1,212 รายการ ให้บริการรูปแบบ e-Services กว่า 280 บริการ และลดค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่าย ลดภาระประชาชน 392,050,315 บาท

 

ในส่วนของการพัฒนาระบบศุลกากร ทางกรมศุลกากรมีจัดตั้งระบบ National Single Window : NSW ทำหน้าที่เป็นระบบกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียวของประเทศ เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายสำคัญในการอำนวยความสะดวกในกระบวนการนาเข้า ส่งออก และโลจิสติกส์ของประเทศไทย

 

ส่วนประเด็นอื่นสืบเนื่องจากข้อเสนอแนะของทูต 5 ประเทศ อาทิ การยกระดับฝีมือแรงงาน ก็เป็นแนวทางเดียวกับรัฐบาล ที่มุ่งเน้นเรื่องพัฒนาทักษะแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมกรรมใหม่ (หุ่นยนต์ ดิจิทัล เชื้อเพลิง/เคมีชีวภาพ การแพทย์ครบวงจร การบิน และโลจิสติกส์) เรื่องปฏิรูปกฏหมาย รัฐบาลได้ดำเนินการภายใต้ พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ.2562 โดยคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้รับผิดชอบหลักร่วมกับส่วนราชการอื่น ๆ เพื่อยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่ไม่จำเป็นและเป็นภาระประชาชน พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น

 

นางสาวรัชดา กล่าวย้ำว่า ความปรารถนาดีของเอกอัครราชทูตที่มีต่อประเทศไทย นับเป็นการแสดงถึงมิตรภาพที่มีต่อกัน อีกทั้งยังเป็นข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่า ภาคเอกชนของประเทศทั้งห้านั้นให้ความสนใจที่จะมาทำการค้าและการลงทุนในไทย และเห็นศักยภาพของประเทศไทยที่จะเติบโตในระยะยาว ประเด็นข้อเสนอใดที่เป็นเรื่องใหม่จะรับไปพิจารณา ประเด็นที่ดำเนินการไปแล้วก็อาจต้องใช้เวลาสักระยะกว่าระบบจะเสร็จสมบูรณ์

ทั้งนี้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ เอกอัครราชทูต 5 ประเทศ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย  อังกฤษ  ญี่ปุ่น เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมเสวนาโต๊ะกลมเพื่อเน้นย้ำมาตรการที่ไทยสามารถใช้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการระบาดของโรคโควิด-19 ได้แบบเร่งด่วน ตลอดจนปรับสภาพแวดล้อมในการประกอบธุรกิจให้ง่ายขึ้นและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามามากขึ้น โดยข้อแนะนำด้านนโยบายเหล่านี้พัฒนาขึ้นจากข้อคิดเห็นของบริษัทกว่า 3,700 แห่งที่เป็นสมาชิกหอการค้าในไทยของทั้ง 5 ประเทศ

         

สำหรับ ข้อเสนอแนะ 10 ข้อ นั้น ได้แก่

1.ทำให้ระบบของหน่วยงานศุลกากรง่ายขึ้นและนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยเพื่อให้การนำเข้าสินค้าสามารถทำได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้นและมีต้นทุนที่ถูกลง

2.จัดตั้งพิธีการศุลกากรตามระบบบัญชีที่สามารถระบุความเสี่ยงและทำให้ระบบประมวลภาษีศุลกากรทันสมัย

3. ดำเนินโครงการทบทวนการอนุญาตของทางราชการ ทบทวนกฎและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำจัดความซ้ำซ้อน

4.เพิ่มแพลตฟอร์มรูปแบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์

5.ให้ลดความซับซ้อนในการสมัครขอรับการส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

6.สร้างสภาพแวดล้อมเพื่อเดินหน้าสู่การค้าดิจิทัล

7.ปฏิรูปข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับแรงงานฝีมือชาวต่างชาติ และลดขั้นตอนขอวีซ่าสำหรับแรงงานฝีมือ

8.เน้นความสำคัญของความโปร่งใสเพื่อคลี่คลายข้อพิพาท

9.ปรับปรุงกระบวนบังคับคดีล้มละลาย

10.เพิ่มกระบวนการดิจิทัลในการอนุมัติขององค์การอาหารและยาออกเอกสารแบบดิจิทัล และรับลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์

 

หากทำได้ทั้งหมดนี้เชื่อว่าไทยจะมีค่าดัชนีชี้วัดของธนาคารโลกที่ดีขึ้น และนักลงทุนก็จะหันมาสนใจยิ่งกว่าชาติอื่น ๆ ในภูมิภาค