“เทอร์มินัล 2 ตัดแปะ” สภาพัฒน์ค้านแล้ว 2 ครั้ง

01 พ.ย. 2563 | 03:09 น.

อะไรทำให้ ทอท.เป็นเด็กดื้อ ดึงดันจะก่อสร้าง "เทอร์มินัล2 ตัดแปะ" ติดตามได้จากบทความนี้

วันนี้ 1 พ.ย. ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์  รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า “เทอร์มินัล 2 ตัดแปะ”  สภาพัฒน์ค้านแล้ว 2 ครั้ง 
 แม้ว่าสภาพัฒน์ได้ค้านการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ที่ผิดแผนแม่บทหรือ “เทอร์มินัล 2 ตัดแปะ” ไปแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ ทอท.ก็ยังดึงดันที่จะก่อสร้างให้ได้ อะไรทำให้ ทอท.เป็นเด็กดื้อ
 

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ต้องการที่จะเพิ่มความจุของสนามบินสุวรรณภูมิโดยการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ทางด้านทิศเหนือของเทอร์มินัล 1 หรืออาคารผู้โดยสารในปัจจุบัน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ผิดแผนแม่บท ทำให้ถูกเรียกว่าเทอร์มินัล 2 ตัดแปะ เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเป็นการตัดรูปเทอร์มินัลมาแปะไว้เท่านั้นโดยไม่ได้ศึกษาความเหมาะสมอย่างละเอียดรอบคอบ แต่ต่อมา ทอท.เรียกอาคารนี้ซึ่งไม่มีอยู่ในแผนแม่บทว่าส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ ทั้งนี้ แผนแม่บทกำหนดให้ขยายเทอร์มินัล 1 ก่อน แล้วตามด้วยการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ทางด้านทิศใต้ใกล้ถนนบางนา-ตราด
ทอท.ไม่ฟังเสียงทักท้วงจากองค์กรวิชาชีพ 12 องค์กร และนักวิชาการที่เป็นห่วงว่าส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือจะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ นานาตามมา ทำให้เกิดผลเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อสนามบิน
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กมธ.ตั้งอนุศึกษา ‘เทอร์มินัล2’   

ทอท.ร่อนแถลงการณ์ โต้ "สามารถ"แจงสื่อบิดเบือน เทอร์มินัล2ตัดแปะ 

 

เมื่อเรื่องนี้ถึงมือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือสภาพัฒน์ที่จะต้องให้ความเห็นก่อนนำเสนอ ครม.ต่อไป ปรากฏว่าถูกตีกลับออกมาถึง 2 ครั้ง กล่าวคือครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2561 สภาพัฒน์ไม่เห็นด้วย แต่ ทอท.ไม่ยอมแพ้ โดยได้เสนอเรื่องเข้าไปใหม่เป็นครั้งที่ 2 อย่างไรก็ตาม สภาพัฒน์ก็ยังมีมติไม่เห็นด้วยอีกครั้งในวันที่ 7 ตุลาคม 2563 เนื่องจากเห็นว่าส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือจะทำให้เกิดปัญหาดังนี้
1. รถบนมอเตอร์เวย์จะติดขัด ในปัจจุบันปริมาณรถบนมอเตอร์เวย์มีมากอยู่แล้ว หากสร้างเทอร์มินัล 2 ตัดแปะ จะเร่งเพิ่มปริมาณรถขึ้นอีก
2. ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางจากส่วนต่อขยายด้านเหนือไปสู่เทอร์มินัล 1 หรืออาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ที่กำลังจะเปิดให้บริการในปี 2565 ซึ่งจะต้องใช้รถไฟฟ้าไร้คนขับ (APM) หลายสาย
3. จะทำให้การก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ทางทิศใต้ใกล้ถนนบางนา-ตราด ซึ่งเป็นไปตามแผนแม่บทล่าช้าออกไป ส่งผลกระทบต่อการรองรับผู้โดยสาร
ด้วยเหตุนี้ สภาพัฒน์จึงเสนอให้ ทอท.ขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันออกอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีความพร้อมทุกด้านทั้งด้านแบบก่อสร้างที่ ทอท.ได้เสียค่าแบบไปหมดแล้ว ด้านงบประมาณ และด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ก็ได้รับความเห็นชอบแล้ว รวมทั้ง ครม.ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้วด้วย ที่สำคัญ ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีผู้โดยสารไม่แน่นแออัด ทำให้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการขยายอาคารตามที่ ทอท.ใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ขยายเทอร์มินัล 1 ตลอดมา ต่อจากนั้นจึงขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันตก และตามด้วยการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ด้านทิศใต้ใกล้ถนนบางนา-ตราดต่อไป

 

แม้ว่าการขยายเทอร์มินัล 1 จะใช้งบประมาณน้อยกว่าและระยะเวลาสั้นกว่า รวมทั้งความพร้อมทุกด้านดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่ ทอท.ก็ไม่ฉกฉวยโอกาสทองในการเร่งขยายเทอร์มินัล 1 ทั้งๆ ที่ แผนแม่บทกำหนดให้ทำเช่นนั้น กลับดื้อรั้นที่จะเดินหน้าก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือให้ได้ อะไรทำให้ ทอท.ไม่ยอมทำตามแผนแม่บท มาช่วยกันหาคำตอบ
1. เพราะมีศูนย์อาหารและเครื่องดื่ม City Garden ขวางอยู่ทางทิศตะวันออกของเทอร์มินัล 1 ใช่หรือไม่? ใครได้รับผลประโยชน์จาก City Garden? ในกรณีมีการขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันออกจะต้องรื้อ City Garden ออกไป อนึ่ง หากมีการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ ได้มีการออกแบบให้ City Garden เป็นที่ตั้งของสถานี APM ซึ่งจะทำให้มีผู้มาใช้บริการ City Garden มากยิ่งขึ้น 
2. เพราะ ทอท.ต้องการให้ส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือเป็นตัวเร่งการพัฒนาเชิงพาณิชย์ให้ที่ดินแปลงที่ 37 ที่อยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ ใช่หรือไม่? และเอกชนรายใดจะได้รับสัมปทานพัฒนาที่ดินแปลงนี้? 
 

ทั้งนี้ ทอท.มีแผนที่จะพัฒนาที่ดินแปลงนี้ให้เป็นศูนย์การค้า โรงแรม ศูนย์การประชุม อาคารสำนักงาน ศูนย์แสดงสินค้าส่งออก และแหล่งบันเทิงครบวงจร เป็นต้น โดย ทอท.จะก่อสร้าง APM เชื่อมโยงจากส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือไปสู่ที่ดินแปลงที่ 37 เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้ที่ต้องการไปใช้บริการ นอกจากนี้ จากข้อมูลของ ทอท.ยังพบว่าจะมีการต่อเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) เข้าสู่ที่ดินแปลงที่ 37 อีกด้วย ซึ่งจะทำให้ที่ดินแปลงนี้กลายเป็น “ไข่แดง” หรือ “ขุมทรัพย์สุวรรณภูมิ” ต่อไป 

 

แต่คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ ทอท.มุ่งมั่นที่จะทำธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับการบินหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับการบินกันแน่ ถ้าคำตอบคือธุรกิจที่เกี่ยวกับการบิน ทอท.จะต้องคำนึงถึงความสะดวกสบาย รวดเร็วและปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลัก

3. การขยายเทอร์มินัล 1 จะไม่ทำให้พื้นที่ร้านค้าเพิ่มขึ้น ต่างกับการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือที่สามารถเพิ่มพื้นที่ร้านค้าได้มาก และสามารถกระตุ้นการพัฒนาเชิงพาณิชย์ให้ที่ดินแปลงที่ 37 ได้ ใช่หรือไม่?

 

ถ้าสภาพัฒน์ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการกำหนดทิศทางและกำกับการพัฒนาของประเทศไม่สามารถหยุดยั้ง ทอท.ได้ และที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เคยสั่งการให้ ทอท.รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย แต่ ทอท.ไม่ทำตาม โดยได้เลือกรับฟังความเห็นจากบางฝ่ายเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ถือว่า ทอท.ใหญ่จริงๆ เราจะทำอย่างไรกันดี?

 

ข้อสงสัยและข้อสังเกตดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นข้อกังขาที่ผมและประชาชนทุกคนชอบที่จะต้องขอคำชี้แจงให้สิ้นสงสัยจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยเจตนาที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากสนามบินสุวรรณภูมิอย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นเท่านั้นเอง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง