คนมอง"ม็อบ" ไม่ใช่ทางออก -นักการเมืองอย่าชักศึกเข้าบ้าน 

25 ต.ค. 2563 | 06:03 น.

คนมอง "ม็อบ" ไม่ใช่ทางออก ซ้ำเติมความเดือดร้อน ขอนักการเมืองอย่าชักศึกเข้าบ้าน

 

25 ต.ค.63 - ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง" ต่างชาติ อย่ายุ่ง เรื่องของคนไทย" กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผ่าน “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice) ด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 21,393 ตัวอย่างในโลกโซเชียล และ “เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม” (Traditional Voice) จำนวน 1,742 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 20 - 24 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา พบว่า

 

 

คนมอง"ม็อบ" ไม่ใช่ทางออก -นักการเมืองอย่าชักศึกเข้าบ้าน 

 

 

ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.3 ระบุ ขอ ต่างชาติ รักษาความเป็น มหามิตรประเทศกันมายาวนาน ปล่อยให้ประเทศไทยมีอิสระ เสรีภาพแก้ปัญหาเอง มันเป็นเรื่องของประเทศไทย รองลงมาคือ ร้อยละ 97.6 ระบุ ต้องการให้ นักการเมือง พรรคการเมือง ร่วมมือกับ ประชาชนแก้ปัญหาภายในประเทศไทยด้วยกันเอง อย่าชักศึกเข้าบ้าน อย่าพาต่างชาติมาแทรกแซง ร้อยละ 97.5 ระบุ นักการเมือง พรรคการเมืองบางพรรค แกนนำม็อบบางคน ร่วมมือต่างชาติ ช่วยยุยง ปลุกปั่นความแตกแยกของคนในชาติ หวังแลกผลประโยชน์กัน ร้อยละ 97.1 ระบุ ต่างชาติเข้าแทรกแซง อ้างความชอบธรรม หลังประเทศไทยพังพินาศ เข้ามาจัดระเบียบ กอบโกยผลประโยชน์ชาติไทยไป ร้อยละ 87.6 ระบุ ต่างชาติอย่าเข้ามายุ่ง ยุยง ปลุกปั่นกระแส สนับสนุนม็อบ เพราะหวั่นว่าจะพังพินาศ เหมือนหลายประเทศ ทั่วโลกที่ต่างชาติเข้าแทรกแซง เช่น ลิเบีย ฮ่องกง ตูนิเซีย และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ที่ทุกวันนี้ประชาชนในแต่ละประเทศเป็นทุกข์ เดือดร้อน หลังความแตกแยกของคนในชาติ และรุนแรงบานปลาย

 

ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.8 ระบุ ม็อบ ไม่ใช่ทางออก เพราะ ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน วิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตโควิด-19 แต่ให้ทุกฝ่ายหันมาเจรจาแก้ปัญหาวิกฤตร่วมกันคือทางออก ในขณะที่ เพียงร้อยละ 3.2 เท่านั้นที่ระบุ ม็อบ คือ ทางออก

 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กล่าวว่า ผลการสำรวจ “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice) ผ่านระบบ Net Super Poll ในการศึกษาแนวโน้มความเคลื่อนไหว ข้อความการเมือง 4 ข้อความ ได้แก่ เยาวชนปลดแอก หยุดคุกคามประชาชน สู้เป็นไทถอยเป็นทาส และ WhatHappenInThailand ซึ่งพบข้อมูลที่น่าพิจารณาคือ กลุ่มผู้ใช้งานเคลื่อนไหวสูง (High-Active Users) ระดมปั่นกระแสเข้ามาในประเทศไทยจากต่างประเทศทำให้เกิดภาพลวงตาสูงกว่าความเป็นจริงประมาณ 7 เท่า โดยค้นพบว่า เมื่อมีจำนวนผู้เคลื่อนไหว 1 หมื่นคนจะทำให้เห็นเป็นว่ามี 7 หมื่นคน ถ้ามี 1 แสนคน จะทำให้เห็นว่ามี 7 แสนคน ถ้ามี 1 ล้านคนจะทำให้เห็นว่ามี 7 ล้านคน ตามแผนภาพที่แนบ

 

นอกจากนี้ ผลการศึกษายังพบด้วยว่า มีกลุ่มผู้ใช้งานในโลกโซเชียลที่เคลื่อนไหวสูง (High-Active Users) ขับเคลื่อนข้อความการเมือง ในช่วง 30 วันที่ผ่านมาจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยมีจำนวนมากกว่ากลุ่มผู้ใช้งานในโลกโซเชียลที่เคลื่อนไหวสูง (High-Active Users) ภายในประเทศไทย บางข้อความการเมืองเพื่อยุยงปลุกปั่นกระแสเกือบ 200 เท่ามากกว่าความเป็นจริงในประเทศไทยเพราะมาจากต่างชาติ เช่น จำนวนผู้ใช้งานเคลื่อนไหวข้อความการเมืองที่ว่า WhatHappenInThailand มีจำนวนในประเทศไทยเพียง 12,290 บัญชีผู้ใช้งานเคลื่อนไหวสูงเท่านั้น แต่เมื่อรวมต่างชาติเข้ามาพบว่ามีจำนวนสูงถึง 2,379,617 บัญชีผู้ใช้งานเคลื่อนไหวสูง

 

ที่น่าพิจารณาคือ ข้อความการเมืองที่ว่า หยุดคุกคามประชาชน มีกลุ่มบัญชีเคลื่อนไหวสูง (High-Active Users) อยู่ในประเทศไทยจำนวน 20,517 บัญชีแต่มาจากต่างชาติ 1,557,871 บัญชี นอกจากนี้ ข้อความ เยาวชนปลดแอก มีอยู่ในประเทศไทย 20,440 บัญชี แต่มาจากต่างชาติ 636,715 บัญชี 

 

ที่น่าสนใจคือ ข้อความการเมืองปั่นกระแสที่ว่า สู้เป็นไทถอยเป็นทาส มีเหลือในประเทศไทยเพียง 849 บัญชี และรวมต่างชาติแล้วก็มีเพียง 852 บัญชี ชี้ให้เห็นว่า เป็นการใช้ข้อความที่ไม่ได้ผล เพราะเมื่อใช้ข้อความการเมืองนี้ทำให้ประชาชนคนไทยนึกถึงในหลวงรัชกาลที่ ๕ ที่ทรงเป็นพระราชบิดาแห่งสิทธิเสรีภาพ และพระราชบิดาแห่งสิทธิมนุษยชน ที่ทรงประกาศเลิกทาส ทำให้ข้อความการเมือง สู้เป็นไทถอยเป็นทาสไม่ได้ผล ปลุกกระแสด้วยข้อความนี้ไม่ขึ้น ตรงกันข้ามในทางจิตวิทยากลับทำให้ประชาชนคนไทยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ ๕ และทำให้เห็นว่าสถาบันกษัตริย์ใกล้ชิดวิถีชีวิตของประชาชนคนไทยดูแลเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนแท้จริง

 

 

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า มีขบวนการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติจริงและกำลังสุ่มหัวกันอยู่ทุกวันเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของขบวนการสร้างความแตกแยกของคนในชาติเหมือนที่ทำให้ประเทศต่าง ๆ เช่น ลิเบีย ตูนิเซีย เกาะฮ่องกง และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง 

 

ที่สุดท้ายองค์การต่างชาติและรัฐบาลต่างชาติ จะอ้างความชอบธรรมเข้ามาจัดระเบียบในประเทศไทยและย่อมจะกอบโกยผลประโยชน์ชาติ ทรัพยากรของชาติจากประเทศไทยไป ยิ่งไปกว่านั้นจะเห็นได้ว่า ประเทศต่าง ๆ ที่มีจลาจลกลางเมือง มีความแตกแยกของคนในชาติ ไม่มีประเทศไหนเลยเจริญมั่นคง แต่ทุกวันนี้ ประชาชนในประเทศที่คนในชาติแตกแยกมีแต่ความทุกข์ยาก เดือดร้อนวิกฤตหนักลงไปกว่าเดิมอีก และพวกเราคนไทยต้องการพาประเทศและประชาชนตกต่ำเหมือนประเทศเหล่านั้นหรือ.