อสส. สั่งสอบ "เนตร นาคสุข" ปมสั่งไม่ฟ้องคดี"บอส อยู่วิทยา"

11 ส.ค. 2563 | 10:45 น.

อสส. สั่งสอบ "เนตร นาคสุข" ปมสั่งไม่ฟ้องคดี"บอส อยู่วิทยา"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(11 สิงหาคม 2563) สำนักงานอัยการสูงสุด ได้แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาสั่งคดีนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา และตั้งคณะทำงานตรวจสอบการสั่งคดีของ นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด

 

ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งที่ 1400/2563 ลงวันที่ 4 สิงหาคม 2563 แต่งตั้งพนักงานอัยการเป็นคณะทำงานพิจารณาสั่งคดีอาญาสำนวน ส.1 เลขรับที่ 107/2556 ของสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 ประกอบด้วย

1.นายอิทธิพร  แก้วทิพย์    หัวหน้าคณะทำงาน
2.นายชาญชัย  ชลานนท์นิวัฒน์   รองหัวหน้าคณะทำงาน
3.นายอุทัย  สังขจร    คณะทำงาน
4.นายประยุทธ  เพชรคุณ   คณะทำงานและเลขานุการ
5.นายนรา  เขมอุดลวิทย์    คณะทำงานและผู้ช่วยเลขานุการ

โดยมี นายสมใจ  โตศุกลวรรณ์ เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน

 

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 คณะทำงานดังกล่าวได้ประชุมพิจารณาสำนวนคดี ส.1 เลขรับที่ 107/2556 ของสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 และมีคำสั่งแจ้งพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ผู้ต้องหาที่ 1 ในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) และเห็นว่า คดีมีพยานหลักฐานใหม่และเป็นพยานที่สำคัญที่จะทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหาที่ 1 ได้จึงสั่งสอบสวนพยานเพิ่มเติมในการดำเนินคดีผู้ต้องหาที่ 1 ในข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พร้อมแจ้งคำสั่งไปยังพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อแล้ว เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 โดยให้ดำเนินการให้เสร็จภายในวันที่ 20 สิงหาคม 2563  และได้ประสานงานให้พนักงานสอบสวนเร่งรัดดำเนินการแล้ว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“เนตร นาคสุข” ผู้เซ็นสั่งไม่ฟ้อง “บอส อยู่วิทยา” ยื่นหนังสือลาออกเเล้ว

เปิดโฉม 3 พยานรื้อ คดีบอส อยู่วิทยา

“แก้วสรร”ตั้งข้อสังเกตจุดจบคดี"บอส อยู่วิทยา”

ก.อ.จ่อออกระเบียบสอบ“เนตร นาคสุข”สั่งไม่ฟ้อง“บอส อยู่วิทยา”

 

สำหรับประเด็นการสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ของ นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวอย่างแพร่หลายว่าเป็นการสั่งคดีที่ขาดความระมัดระวังหรือไม่ ในการตรวจสอบการสั่งคดีของนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ดังกล่าว ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2553 ซึ่งขณะนี้สำนักงานอัยการสูงสุดยังไม่มีหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการตรวจสอบรองอัยการสูงสุด ในเรื่องดังกล่าว เกี่ยวกับเรื่องนี้นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ ได้ให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่าจะนำประเด็นนี้เข้าพิจารณาเพื่อวางหลักเกณฑ์ในการประชุมคณะกรรมการอัยการในวันอังคารที่ 18 สิงหาคม 2563 นี้

สำนักงานอัยการสูงสุด เห็นว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญและจะต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนแต่เนื่องจากการกำหนดหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 17 ประกอบมาตรา 82 จะต้องนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการอัยการเพื่อพิจารณา อีกทั้งจะต้องนำหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการอัยการเห็นชอบไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลานาน 

 

ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปโดยรวดเร็ว อัยการสูงสุด จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553 มีคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ 1446/2563 ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2563 แต่งตั้งบุคคลดังต่อไปนี้เป็นคณะทำงานตรวจสอบความเห็นและคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหา โดยคณะทำงานประกอบด้วย

 

1. นายสมศักดิ์  บุญทอง    หัวหน้าคณะทำงาน
      อดีตรองอัยการสูงสุด
2. พลเอก ประชาพัฒน์  วัจนะรัตน์  คณะทำงาน
      เจ้ากรมพระธรรมนูญ
3. พลโท กิตติยุทธ  กิตติยุทธโยธิน   คณะทำงาน
       หัวหน้าสำนักงานตุลาการศาลทหาร
       และตุลาการพระธรรมนูญหัวหน้าศาลทหารสูงสุด
4. นายวัยวุฒิ  หล่อตระกูล   คณะทำงาน
      อดีตรองอัยการสูงสุด
5. นายถาวร  พานิชพันธ์    คณะทำงาน
      อดีตรองอัยการสูงสุด
6. หม่อมหลวงศุภกิตต์  จรูญโรจน์   เลขานุการ
7. ร้อยตำรวจเอก สกลกริช  ฤทธิ์เดช  ผู้ช่วยเลขานุการ

 

โดยให้คณะทำงานมีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบความเห็นและคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหาที่ 1 ของนายเนตร  นาคสุข รองอัยการสูงสุดว่า การรับฟังพยานหลักฐานเป็นไปตามหลักกฎหมาย ชอบด้วยเหตุผล และใช้ความระมัดระวัง ละเอียดรอบคอบหรือไม่เพียงใด แล้วเสนอรายงานผลการตรวจสอบพร้อมความเห็นต่ออัยการสูงสุดเพื่อประกอบการพิจารณา

ขณะที่มีรายงานว่า ในวันนี้ (11 สิงหาคม 2563) นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการต่ออัยการสูงสุด เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจในการสั่งสำนวนคดีนี้ และเป็นการแสดงสปิริต (spirit) แก่องค์กรอัยการ และต้องการให้ทุกคนในสังคมเกิดความสบายใจ โดยยืนยันว่า การสั่งคดีนี้ได้พิจารณาจากข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน และตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย