หลังจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. ได้ประกาศแผนฟื้นฟูกิจการองค์การฉบับใหม่ขึ้นมา ทำให้ประชาชนผู้ใช้บริการเกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆของแผนฟื้นฟูฯซึ่งทาง ขสมก.ก็ได้รวบรวมคำถามต่างๆออกมา และสรุปเป็นถาม - ตอบจำนวน 9 ข้อเพื่อมาคลายความข้องใจ ว่าหากแผนฟื้นฟูฯนี้ได้รับความเห็นจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และเริ่มดำเนินงาน ประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร
ถาม : ทำไมต้อง 30 บาท
ตอบ : ปัจจุบัน อัตราค่าโดยสารรถปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) (สีฟ้า) ต่อเที่ยว คือ 15, 20, 25 บาท หากประชาชนใช้บริการรถโดยสาร 2 เที่ยว จะมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง คือ 30, 40, 50 บาท ดังนั้น ขสมก.จึงนำอัตราค่าโดยสารราคาต่ำสุด ที่ประชาชนใช้บริการจำนวน 2 เที่ยว คือ 30 บาท มาใช้เป็นราคาค่าโดยสาร
แบบเหมาจ่ายรายวัน ซึ่งประชาชนจะได้รับประโยชน์ คือ สามารถใช้บริการรถโดยสารได้ทั้งวัน ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว และไม่จำกัดจำนวนเส้นทาง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อย่างไรก็ตาม กรณีประชาชนใช้บริการเพียงวันละ 1 เที่ยว ขสมก.ก็มีการจัดเก็บค่าโดยสารแบบรายเที่ยว เพื่อรองรับกรณีดังกล่าวด้วย คือ จัดเก็บค่าโดยสารเที่ยวละ 15 บาท ซึ่งราคาดังกล่าว เป็นอัตราค่าโดยสารขั้นต่ำของรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV)
ถาม : ลดสายวิ่งเหลือ 162 เส้นทาง จะส่งคนได้เร็วขึ้นอย่างไร
ตอบ: เส้นทางเดินรถในปัจจุบัน มีระยะทางค่อนข้างยาว และมีความทับซ้อนกับเส้นทางเดินรถโดยสารสายอื่น ๆ คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง จึงมีแนวคิดที่จะปฏิรูปเส้นทางเดินรถโดยสารประจำทาง
ทั้งรถโดยสารของ ขสมก.และรถโดยสารเอกชน เหลือ 162 เส้นทาง เพื่อลดความทับซ้อนของเส้นทาง และเพื่อเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนอื่น ๆ เช่น รถไฟฟ้า BTS MRT ยกตัวอย่าง สมมุติว่า มีรถโดยสารจำนวน 3 สาย วิ่งจากท่าต้นทาง 3 แห่งไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกัน คือ รังสิต และรถโดยสารทั้ง 3 สาย มีช่วงเส้นทางที่ทับซ้อนกัน ตั้งแต่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิถึงรังสิต
ดังนั้น ในการปฏิรูปเส้นทาง จะมีการปรับเปลี่ยนให้รถโดยสารทั้ง 3 สาย วิ่งจากท่าต้นทาง 3 แห่งไปสิ้นสุดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วให้ประชาชนที่จะเดินทางไปรังสิต ต่อรถที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่อย่างใด
เพราะใช้ระบบอัตราค่าโดยสารแบบเหมาจ่ายรายวัน 30 บาท ซึ่งจากการที่รถโดยสารมีระยะทางวิ่งสั้นลง และไม่มีความทับซ้อนของเส้นทาง จะทำให้รถโดยสารแต่ละคัน สามารถเพิ่มรอบในการให้บริการประชาชนได้มากขึ้น ประชาชนใช้เวลารอรถโดยสารน้อยลง ประมาณ 5 - 10 นาที อีกทั้งยังช่วยลดความแออัดของรถโดยสารบนท้องถนน จึงช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัดได้อีก
ถาม: จำนวนรถในแผนฟื้นฟูฉบับเดิม และแผนฟื้นฟูฉบับปรับปรุงใหม่ มีความแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ : ตามแผนฟื้นฟูฉบับเดิม กำหนดให้ ขสมก.จัดหารถโดยสารใหม่ จำนวน 3,183 คัน เพื่อวิ่งในเส้นทางเดินรถ 137 เส้นทาง ทำให้มีรถโดยสารวิ่งให้บริการ เฉลี่ยเส้นทางละ 23 คัน ส่วนแผนฟื้นฟูฉบับปรับปรุงใหม่ กำหนดให้ ขสมก.จัดหารถโดยสารใหม่ 2,511 คัน + รถโดยสาร NGV เดิม 489 คัน รวมเป็น 3,000 คัน เพื่อวิ่งในเส้นทางเดินรถ 108 เส้นทาง ทำให้ ขสมก.มีรถโดยสารวิ่งให้บริการ เฉลี่ยเส้นทางละ 28 คัน มากกว่าแผนฟื้นฟูฉบับเดิม 5 คัน
ถาม: รายละเอียดของรถใหม่ที่จะนำมาวิ่งในแผนฟื้นฟู มีอะไรบ้าง
ตอบ : รถโดยสารที่ ขสมก.จะนำมาวิ่งให้บริการในเส้นทางเดินรถของ ขสมก.จำนวน 108 เส้นทาง แบ่งเป็นรถโดยสารปรับอากาศ NGV ที่ ขสมก.วิ่งให้บริการอยู่ในปัจจุบัน จำนวน 489 คัน และ ขสมก.จะเช่ารถโดยสารปรับอากาศไฟฟ้ามาวิ่งให้บริการประชาชนอีก 2,511 คัน รวมเป็น 3,000 คัน
ซึ่งรถโดยสารทั้ง 2 ประเภท จะเป็นรถชานต่ำมีการออกแบบในลักษณะUniversal Design เพื่อรองรับการใช้บริการของเด็ก ผู้สูงอายุและคนพิการ มีการติดตั้งระบบ E-ticket เพื่อรองรับการชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสด ติดตั้งระบบ GPS เพื่อรองรับการใช้ Application ในการติดตามตำแหน่งพิกัดของรถโดยสาร
นอกจากนี้ ขสมก.จะจ้างเอกชนเดินรถในเส้นทางของเอกชน จำนวน 54 เส้นทาง รวม 1,500 คัน ซึ่งรถที่เอกชนจะนำมาวิ่ง จะต้องมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับรถโดยสารของ ขสมก.
ถาม: จะมีการพัฒนาคุณภาพบริการอย่างไรบ้าง
ตอบ: ด้านรถโดยสาร : 1. ให้บริการด้วยรถโดยสารปรับอากาศใช้พลังงานเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (NGV, EV)ซึ่งเป็นรถแบบชานต่ำ และมีการออกแบบในลักษณะ Universal Design เพื่อรองรับผู้ใช้บริการทุกประเภททั้งเด็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการ
2. ติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ภายในรถ อาทิ อินเตอร์เน็ตไวไฟ, GPS, จอภาพแสดงป้ายหยุดรถโดยสารถัดไป, กล้อง CCTV, E - Ticket
3. จัดเก็บค่าโดยสารแบบไร้เงินสด ผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ประเภทต่าง ๆ อาทิบัตรโดยสาร ขสมก., บัตร EMV, บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และบัตรแมงมุมของกระทรวงคมนาคม (ในอนาคต)
ด้านพนักงานประจำรถ : จัดอบรมพนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสารอย่างต่อเนื่อง อาทิการให้บริการประชาชนด้วยความมีจิตสำนึกรักบริการ, การให้ความช่วยเหลือผู้ใช้บริการเบื้องต้นกรณีประสบอุบัติเหตุ รวมทั้ง การกำกับดูแลพนักงานให้ปฏิบัติตามคู่มือคุณภาพ ISO : 9001 2015 อย่างเคร่งครัด
ถาม : แผนฟื้นฟูนี้จะเริ่มเมื่อไหร่
ตอบ : ขสมก.จะเริ่มดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการได้ก็ต่อเมื่อ ได้รับความเห็นชอบแผนฯ จากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
ถาม : ขั้นตอนการดำเนินการเป็นอย่างไร ระยะสั้น ระยะยาว
ตอบ: เมื่อแผนฟื้นฟูกิจการองค์การ ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว ขสมก.จะมีการดำเนินการตามแผนฯ ตามลำดับ ดังนี้
1. การเช่ารถโดยสารปรับอากาศไฟฟ้า จำนวน 2,511 คัน มาวิ่งให้บริการประชาชน รวมทั้งการจ้างเอกชนมาร่วมเดินรถในเส้นทางเดินรถเอกชน (54 เส้นทาง) จำนวน 1,500 คัน
2. การปรับลดจำนวนพนักงานเก็บค่าโดยสาร การเออร์ลี่รีไทร์พนักงานเก็บค่าโดยสารภาคสมัครใจ การลดขนาดองค์กร และการจัดหาเงินเพื่อใช้ในโครงการเออร์ลี่รีไทร์
3. การให้รัฐบาลยกหนี้ให้กับ ขสมก.
4. การให้รัฐบาลจ่ายเงิน PSO ให้กับ ขสมก.(รถโดยสารปรับอากาศ) เป็นรายปี
5. การพัฒนาอู่เชิงธุรกิจ ได้แก่ อู่บางเขน และอู่มีนบุรี
6. การพัฒนาบัสเลน (BUS LANE)
ถาม: รถโดยสารเอกชน อยู่ในแผนนี้ด้วยหรือไม่
ตอบ : ในเส้นทางเดินรถใหม่ 162 เส้นทาง จะเป็นรถของ ขสมก. 108 เส้นทาง และรถเอกชน 54 เส้นทางซึ่ง ขสมก.จะจ้างเอกชนเดินรถ ในเส้นทางของเอกชน จำนวน 54 เส้นทาง รวม 1,500 คัน โดยรถที่เอกชนจะนำมาวิ่ง จะต้องมีคุณสมบัติและมาตรฐานเช่นเดียวกับรถโดยสารของ ขสมก. รวมทั้งใช้อัตราค่าโดยสารในระบบเดียวกับรถโดยสาร ขสมก.
ถาม: มั่นใจได้ยังไงว่าการเช่ารถมาวิ่ง จะดีกว่าการซื้อรถมาบริหารเอง
ตอบ : หาก ขสมก.จัดซื้อรถโดยสาร จะต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก อีกทั้ง ยังมีต้นทุนในการซ่อมบำรุงรักษารถโดยสารดังกล่าว ส่งผลให้มีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นวิธีการเช่ารถจากเอกชนมาวิ่งให้บริการ โดยจ่ายค่าเช่าตามกิโลเมตรที่วิ่งให้บริการจริง จะทำให้ ขสมก.ไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากในการซื้อรถ
อีกทั้ง ยังไม่ต้องมีต้นทุนในการซ่อมบำรุงรักษารถโดยสาร โดยเอกชนมีหน้าที่ในการจัดหารถโดยสาร เพื่อให้ ขสมก.นำมาวิ่งให้บริการในแต่ละวันตามสัญญา หากไม่สามารถดำเนินการได้ เอกชนก็จะถูกปรับตามสัญญาที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ การเช่ารถโดยสารยังมีข้อดี คือ มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนคุณลักษณะของรถโดยสาร เช่น ขนาดรถ, พลังงาน หรือ จำนวนรถโดยสาร เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
ที่่มา : องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง