EPCOฟอร์มเจ๋งครึ่งปีแรกกำไรพุ่ง 30.4%

21 ส.ค. 2559 | 05:00 น.
โรงพิมพ์ตะวันออก โชว์กำไรครึ่งปีแรก 180 ล้านบาท พุ่ง 30.4 % ไตรมาส 4 พร้อมรับรู้รายได้-กำไรจากโรงไฟฟ้าแก๊สธรรมชาติ 360 เมกะวัตต์ หนุนกำลังการผลิตแตะ 425 เมกะวัตต์ ก่อนดัน "อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป" เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯปลายปีหน้า

[caption id="attachment_86730" align="aligncenter" width="335"] ยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน)(บมจ.) (EPCO) ยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน)(บมจ.) (EPCO)[/caption]

นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน)(บมจ.) (EPCO) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 2/2559 มีกำไรสุทธิ 97.74 ล้านบาท(หลังหัก minority interest 23.8 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 23.12 ล้านบาท หรือ 31 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดครึ่งแรกของปี 2559 บริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 180 ล้านบาท(หลังหัก minority interest 21.5 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 41.9 ล้านบาท หรือ 30.4 %

ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทฯมีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับงวดผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก ของปี 2559 ในอัตรา 0.08 บาท/หุ้น พร้อมแจกใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญหรือวอร์แรนท์ (EPCO-W2) จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 20 ตุลาคม 2559 เพื่อขออนุมัติออกวอร์แรนท์ และชี้แจงว่าที่จ่ายปันผลเงินสดน้อยกว่าปีที่แล้วเนื่องจากบริษัทลูกไม่ได้จ่ายปันผลระหว่างการเพื่อเตรียมเงินไว้จ่ายค่าซื้อโรงไฟฟ้าโค-เจน

สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังคงเดินหน้าในการเตรียมความพร้อมเพื่อนำ บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) ซึ่งเดิมคือ บริษัท บ่อพลอย โซล่าร์ จำกัด ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ในปี 2560 และตั้งเป้ากำไรเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน EP มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซลาร์ฟาร์ม ที่จ่ายกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD )แล้วรวมจำนวน 11 โครงการ มีกำลังการผลิตในประเทศจำนวน 16.5 เมกะวัตต์ และที่ญี่ปุ่นกำลังก่อสร้าง 12 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ได้ในเดือนตุลาคม 2559 และยังกำลังพัฒนาในญี่ปุ่นอีก 25-30 เมกะวัตต์

นายยุทธ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2559 มติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาการเข้าทำรายการเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งทางตรงและทางอ้อม ในสัดส่วน 49.50% ของ บริษัท พีพีทีซี จำกัด (PPTC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดเล็ก ระบบโคเจนเนอเรชั่น กำลังการผลิตสูงสุดรวมประมาณ 120 เมกะวัตต์ และไอน้ำกำลังการผลิตสูงสุดรวมประมาณ 30 ตันต่อชั่วโมง ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ซึ่งในปัจจุบัน PPTC ก่อสร้างโรงไฟฟ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้เริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ให้กับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2559 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ยังได้อนุมัติให้ทำรายการเข้าซื้อหุ้นสามัญทางอ้อม ในสัดส่วน 30% ของ บริษัท เอสเอสยูที จำกัด (SSUT) ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดเล็ก ระบบโคเจนเนอเรชั่น กำลังการผลิตสูงสุดรวมประมาณ 240 เมกะวัตต์ และไอน้ำกำลังการผลิตสูงสุดประมาณ 60 ตันต่อชั่วโมง ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จและเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ให้กับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ในไตรมาส 4/2559

สำหรับมูลค่าการลงทุนทั้ง 2 โครงการอยู่ที่ 2,649.68 ล้านบาท ลงทุนผ่าน EP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EPCO โดยเงินที่ใช้สำหรับการลงทุนครั้งนี้ จะมาจากเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนของ EP จำนวน 750 ล้านบาท รวมถึงการออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทฯ และ/หรือ EP โดยเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ EPCO เตรียมจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาการเข้าซื้อสินทรัพย์ในวันที่ 19 กันยายน 2559 นี้

นายยุทธ กล่าวว่า บริษัทฯมั่นใจการเข้าซื้อหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าว จะช่วยส่งเสริมและสร้างความเติบโตของรายได้ที่มั่นคงให้แก่บริษัทในอนาคต ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกำไรและกระแสเงินสดกลับมายังบริษัทในระยะเวลาอันรวดเร็ว สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในระยะยาว และจากการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าแก๊สธรรมชาติ กำลังการผลิต 360 เมกะวัตต์ในครั้งนี้ ส่งผลให้กลุ่มบริษัทมีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 425 เมกะวัตต์ก่อนที่จะนำบริษัท EP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและวางเป้าภายในปี 2561 จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 600 เมกะวัตต์

Photo : ECPO
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,184 วันที่ 18 - 20 สิงหาคม พ.ศ. 2559