สภาพคล่องล้น ดันหุ้นไทยไปต่อ

07 เม.ย. 2564 | 20:20 น.

หุ้นไทยกลับมาคึกคัก ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน เพิ่มเฉียด 9% มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันพุ่ง 93,000 ล้าน รายย่อยช้อนซื้อสุทธิ 52,000 ล้านบาทโบรกเผยสภาพคล่องล้นระบบ เงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงพร้อม Search For Yield คาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,670 จุด 

แม้การลงทุนช่วงนี้ จะยังมีความผันผวนตลอดเวลา เห็นได้จากการปรับขึ้นลงของดัชนีหุ้นไทยที่ยังไร้ทิศทาง บางวันปรับเพิ่มขึ้นในช่วงเช้า อาจมีแรงขายทำกำไรกดดันได้ในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์แวดล้อมทั้งภายในและต่างประเทศ แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศที่เริ่มมีการพบตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทั้งๆ ที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลหยุดยาวและรัฐบาลมีแผนที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ปัจจุบันยังเห็นผลกระทบที่มีต่อหุ้นไทยไม่มากนัก

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยปิดวันที่ 5 เมษายน 2564 อยู่ที่ 1,579.66 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 130.31 จุด หรือ 8.99% จากสิ้นปี 2563 ปิดที่ 1,449.35 จุด และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่อยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบแรก ปรับเพิ่มขึ้นแล้ว 440.82 จุด หรือ 38.70% จากวันที่ 3 เมษายน 2563 ปิดที่ 1,138.84 จุด ขณะเดียวกัน เมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่จะมีการล็อกดาวน์รอบแรก เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 ดัชนีปรับเพิ่มขึ้น 499.63 จุด หรือ 46.26% จากวันที่ 25 มีนาคม 2563 ปิดที่ 1,080.03 จุด 

ขณะที่การซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม-5 เมษายน 2564 อยู่ที่ 92,921.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26,608.95 ล้านบาท หรือ 40.12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 66,312.52 ล้านบาท ส่วนมูลค่าซื้อขายสะสมตามกลุ่มนักลงทุน นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 24,730.68 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 3,864.91 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 52,320.87 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 31,455.10 ล้านบาท

มูลค่าซื้อขายสะสมของนักลงทุนรายย่อย

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรมรองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัดเปิดเผยว่า การลงทุนในเดือนเมษายน 2564 มองว่าสภาพคล่องจำนวนมากที่อยู่ในระบบ จะเป็นแรงหนุนต่อตลาดหุ้นไทยในระยะข้างหน้า โดยสภาพคล่องในระบบการเงินในไทยปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูงมาก อ้างอิงจากปริมาณเงินฝากออมทรัพย์และประจำทั้งระบบของไทย ล่าสุด เดือนมกราคม 2564 อยู่ที่ประมาณ 15.72 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนได้ว่าเงินส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวอยู่ในสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ค่อนข้างมาก สวนทางกับในประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐที่สภาพคล่องในระบบไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าในระยะถัดไป สภาพคล่องในระบบการเงินไทยยังมีอยู่มากและเมื่อความเสี่ยงลดลง จะทำให้นักลงทุนโยกย้ายเงินลงทุนมาแสวงหาผลตอบแทน (Search For Yield) ในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น ตลาดหุ้น คล้ายกับภาพตลาดหุ้นสหรัฐ โดยประเมินสภาพคล่องส่วนเกินน่าจะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยมี Downside จำกัด ถือเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้ คาดเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 2564 อยู่ที่ 1,670 จุด

นอกจากนี้ นักลงทุนมีการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นใหม่เพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มียอดการเปิดบัญชีใหม่ถึง 270,000 บัญชี สูงเกินกว่า 800% ของปริมาณการเปิดบัญชีใหม่ต่อเดือนในอดีต รวมถึงกองทุนรวมมีการให้นํ้าหนักกับการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเช่นกัน โดยช่วง 2 เดือนแรกเม็ดเงินกองทุนรวมหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 10% ขณะที่ ดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 3.3% ส่งผลให้มูลค่าซื้อขายในตลาดหุ้นไทยในปีนี้เฉลี่ยสูงถึง 94,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

“เหตุผลที่สภาพคล่องที่ล้นระบบทยอยเติมเข้ามาในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากดอกเบี้ยนโยบายยืนระดับตํ่าสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% มานานกว่า 8 เดือน และตํ่ากว่าช่วง 2 ปีก่อนที่นักลงทุนฝากเงินกับธนาคารเคยได้ดอกเบี้ยสูงถึง 1.75% นอกจากนี้ ยังมีการหันมาเปิดพอร์ตลงทุนในหุ้นเอง และลงทุนผ่านกองทุนรวมหุ้นที่มากขึ้นกว่า 8 เท่า ของภาวะปกติที่มียอดผู้เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นใหม่ต่อเดือนไม่ถึง 30,000 ราย จากการ Search For Yield และลงทุนเองหลังจากกองทุน LTF ไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้”นายเทิดศักดิ์กล่าว 

 

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,668 วันที่ 8 - 10 เมษายน พ.ศ. 2564