รมว.คลัง เชื่อ คนละครึ่ง ดันจีดีพีปีนี้ดีกว่าที่คาด

11 พ.ย. 2563 | 05:54 น.

รมว.คลัง เชื่อ มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศที่ผ่านมา ดันจีดีพีปีนี้ดีกว่าที่คาด

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่ามาตรการในการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศที่ออกมาทั้งหมด ทั้งเราเที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน และจ่ายเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 500 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน ถือเป็นผลดีที่จะทำให้เศรษฐกิจหดตัวน้อยลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากการประมาณการที่กระทรวงการคลังคาดการณ์จีดีพีปีนี้จะติดลบ 7.7% ซึ่งสอดคล้องกับหน่วยงานอื่น ที่ได้ประมาณการไว้ เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะติดลบ 7.1% เท่านั้น จากเดิมคาดติดลบ 7.7% รวมถึงของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่จะประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ติดลน้อยลงกว่าที่คาดด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'คลัง' มั่นใจ "คนละครึ่ง" เฟส 2 มีงบรองรับ

เฮ! คลังเตรียมเปิด"คนละครึ่ง" เฟส 2 เป็นของขวัญปีใหม่  ลุ้นเพิ่มวงเงิน-จำนวนผู้เข้าร่วม

รมว.คลัง เชื่อ คนละครึ่ง ดันจีดีพีปีนี้ดีกว่าที่คาด

เปิดรายละเอียด "คนละครึ่ง" ยอดใช้พุ่ง 1 หมื่นล้าน 

 

 

ส่วนกรณีที่มีการคาดการณ์ว่าในปีงบประมาณ 2564 การจัดเก็บรายได้ภาษีจะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้นั้น กระทรวงการคลังได้เตรียมความพร้อมโดยวางแผนการกู้เพื่อชดเชยขาดดุลในกรณีที่รายจ่ายสูงกว่ารายได้ไว้แล้ว แม้ขณะนี้จะพยายามให้กรมภาษี จัดเก็บรายได้ ให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ก็ตาม เนื่องจากรัฐบาลยังคงต้องใช้เม็ดเงินเพื่อดูแลภาคการเกษตรที่หลายชนิด จากยางพารา และข้าวที่ออกไปก่อนหน้านี้ แต่จะมีการกู้ชดเชยหรือไม่ จะต้องรอดูสถานการณ์การจัดเก็บรายได้และการใช้จ่ายในช่วง มิ.ย.-ก.ค. 2564 ก่อน

 

“เราวางแผนการกู้เพื่อชดเชยขาดดุล ในกรณีที่รายจ่ายอาจจะสูงกว่ารายได้ไว้แล้ว ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปรวบรวมดูว่ายังต้องใช้เงินในส่วนใดบ้าง โดยเฉพาะภาคการเกษตร ว่าต้องประกันรายได้ส่วนไหนเพิ่มเติม แต่ยืนยันว่า เงินไม่ช็อตแน่นอน”นายอาคม กล่าว

 

สำหรับที่กรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ทุกกระทรวงออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังยังคงเน้นการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในการลงทุนนั้น ล่าสุดคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานคณะกรรมการการเบิกจ่ายการลงทุนภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้เม็ดเงินลงทุนดังกล่าวลงสู่ระบบในไตรมาส 1-2 ของปีงบประมาณ 2564 ให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงเร่งเบิกจ่ายงบประมาณประจำให้ได้ตามเป้าหมาย โดยให้ดึงโครงการลงทุนขนาดเล็กที่จะต้องใช้ในช่วงสิ้นปีงบประมาณ มาใช้เร็วขึ้น

 

“ตอนนี้เครื่องยนต์ในประเทศ 4 เครื่องหลัก ยังทำงานไม่เต็มที่ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัว ดังนั้นยังคงเน้นการกระตุ้นภายในประเทศอยู่ ทั้งมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ผ่านช้อปดีมีคืน และโครงการคนละครึ่ง รวมถึงดูแผนงานโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นไปตามแผน”นายอาคม กล่าว

 

นอกจากนี้ นายอาคมยังกล่าวถึงกรณีที่ค่าเงินบาทแข็งค่าว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยมองว่านโยบายการเงินและการคลังจะต้องทำงานสอดประสานกัน ซึ่งที่ผ่านมาได้หารือกับผู้ว่าการธปท.อย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ค่าเงินเป็นอุปสรรคต่อภาคการส่งออกและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ