นับตั้งแต่ที่จีนออกมายืนยันโรคไวรัสโคโรนาพันธ์ใหม่ที่ติดต่อจากคนสู่คน และพบผู้ป่วยรายแรกนอกพื้นที่เมือง "อู่ฮั่น" เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2563 จนถึงปัจจุบัน ( ตัวเลขสะสมถึงวันที่ 28 มกราคม 2563 )พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาแล้ว 3,500 ราย เสียชีวิต 106 ราย
ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วง 1 สัปดาห์ทำการ (17 - 27 มกราคม 2563 ) ดัชนีหุ้นไทยได้ปรับตัวลง76.33 จุด หรือเปลี่ยนแปลง - 4.8% มายืนระดับ 1,524.15 จุด เมื่อวันที่ 27 มกราคม ( เฉพาะวันที่ 27 มกราคมวันเดียว ดัชนีปรับลง 45.40 จุด หรือเปลี่ยนแปลง - 2.89 % มูลค่าซื้อขาย 69,174.18 ล้านบาท ) ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ปรับลดลง 756,390 ล้านบาท มาอยู่ระดับ 16.16 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน
ข่าวเด่นฐานเศรษฐกิจ
● ย้อนรอย10โรคระบาดป่วนโลกเสียชีวิตกว่า50ล้านคน(มีคลิป)
● คนอู่ฮั่น ตะโกนลั่นเมือง "อู่ฮั่นสู้ตาย"(มีคลิป)
● จี้แลกรถเก่า ดีเซล4ล้านคัน ลดฝุ่นPM2.5
"ฐานเศรษฐกิจ " ได้รวบรวมการปรับตัวของผลตอบแทนหุ้นกลุ่มต่าง ๆ ช่วงเวลาเดียวกัน พบว่าส่วนใหญ่ปรับลดลงมาหมด โดยกลุ่มที่ปรับตัวลงมากกว่า SET Index เรียงลำดับดังนี้ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ -39.56 %, กลุ่มท่องเที่ยว -10.25% , กลุ่มขนส่งโลจิติกส์ -6.95% ,กลุ่มแบงก์- 6.45% ,กลุ่มมีเดีย - 5.83% , กลุ่มพาณิชย์ - 5.33% และกลุ่มพลังงาน - 5.19%
ส่วนกลุ่มหุ้นที่ปรับลดลงน้อยกว่าดัชนีหุ้นไทย ได้แก่กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม - 2.67% ,กลุ่มยานยนต์ - 2.52%,กลุ่มไอซีที - 1.86% ,กลุ่มเฮลท์แคร์ (ร.พ.) -1.09%
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ผลกระทบจากโรคระบาดไวรัสโคโรนาจะส่งผลต่อตลาดหุ้นและเศรษฐกิจเป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ไตรมาส เพราะครั้งนี้มีการควบคุมการแพร่เชื้อได้เร็วกว่าจากการที่เคยมีประสบการณ์เกิดเหตุการณ์โรคซาร์สและโรคเมอร์สที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ไตรมาส จึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุนระยะยาวในหุ้นที่ไม่ถูกกระทบจากไวรัสโคโรนา ขณะที่ ในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรถือเงินสดเพื่อความปลอดภัยก่อน
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นยังมีความไม่แน่นอนสูง ถึงแม้จีนจะมีมาตรการออกมามาก แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าสถานการณ์นี้จะลากยาวแค่ไหน โดยเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออกและรายได้จากการท่องเที่ยวในระดับสูง อีกทั้งนักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มที่เข้ามาเที่ยวไทยเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งการท่องเที่ยวปี 2562 มีสัดส่วน 11% ของจีดีพี มีจำนวนนักเที่ยงต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย 40 ล้านคน เป็นนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 10 ล้านคน ทั้งนี้ หากสถานการณ์ยืดเยื้อจะส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวที่ลดลงทุก 10% มีผลกระทบต่อจีดีพีไทยมากกว่า 1%
"หากสถานการณ์ไม่เลวร้ายไปกว่าเดิม คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับลดลงเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น โดยหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ คือ กลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม สายการบิน และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค เช่น ห้างสรรพสินค้า เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง"