คัดหุ้นสุดปัง สู้ภัยเศรษฐกิจ

12 ม.ค. 2563 | 05:40 น.

โบรกฯ แนะกลยุทธ์ลงทุน รับมือเศรษฐกิจชะลอ ปัจจัยเสี่ยงตปท. ลงหุ้นวัฏจักร valuation ถูก 

 

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัยบริษัทหลักทรัพย(บล.)ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า SCBS ประเมินเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 2563 กรอบ 1700-1750 จุด มาจากกำไรต่อหุ้น (EPS) คาดอยู่ระดับ 101 บาท เทียบ EPS ปี 2562 ที่ 83 บาท โดยมองตลาดหุ้นครึ่งปีแรกในเชิงบวก เนื่องจากปัจจัยความกังวลในเรื่องของสงครามการค้าเริ่มผ่อนคลายหลังจากที่สหรัฐฯและจีน เตรียมลงนามข้อตกลงเฟสแรกในวันที่ 15 มกราคมนี้ และเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ยังมีปัจจัยกดดันจากความเสี่ยง 3 ด้าน คือ 1. การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่อาจก่อให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองและนโยบายในภูมิภาคและโลก 2. การใช้นโยบายการเงินที่เปลี่ยนมาใช้มาตรการกระตุ้นทางการคลังมากขึ้น และ 3. การผิดนัดชำระหนี้ที่สูงขึ้นโดยเฉพาะในจีน ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อตลาดสินเชื่อของเอเชีย และมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจไทยปีนี้ที่คาดจะขยายตัว 2.8% เติบโตขึ้นเล็กน้อยจาก 2.5% ในสิ้นปี 2562 โดยให้นํ้าหนักในเรื่องภัยแล้งเป็นหลักที่อาจกระทบกำลังซื้อ รายได้ของครัวเรือนในปีนี้

คัดหุ้นสุดปัง  สู้ภัยเศรษฐกิจ

 

“เรามองเห็นโอกาสจากการที่ตลาดรับรู้ข่าวร้ายมากเกินไป และจากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นในประเทศพัฒนาในปีที่แล้ว โดยเฉพาะดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่ง S&P Dow Jones และ Nasdaq ทําสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทุกวัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับขึ้น 0.10-0.40% สะท้อนถึงภาวะ risk-on สวนทางกับตลาดหุ้นในประเทศอาเซียนกลับปรับตัวตํ่าสุด ดัชนีหุ้นไทยปี 2562 ปรับขึ้น 1.02% ดังนั้นในปีนี้จึงเป็นโอกาสของตลาดเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย และกระแสทุนต่างประเทศที่จะไหลเข้า หากประเทศไทยได้รับการทบทวนจัดอันดับความน่าเชื่อถือ” นายสุกิจ กล่าวและว่าจากปัจจัยพื้นฐานระยะสั้นปรับตัวขึ้น หุ้นที่จะ outperform ก็คือหุ้นวัฏจักรที่มีประเด็นเกี่ยวกับกําไรฟื้นตัว

SCBS แนะกระจายความเสี่ยงโดยให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนช่วงไตรมาส 1-2 ในกลุ่มหุ้นวัฏจักรที่ valuation ถูกดิสเคาต์อย่างมาก เมื่อเทียบกับกลุ่มหุ้นปลอดภัย ที่กําไรจะกลับมาเติบโตปานกลาง นําโดยกลุ่มพลังงาน กลุ่มปิโตรเคมีที่ราคากลับไปถูกเท่าปี 2551 กําไรปีนี้จึงมีแนวโน้มฟื้น เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มการแพทย์ และกลุ่มธนาคารมีโอกาสปรับตัวตามเศรษฐกิจที่ฟื้น ทั้ง valuation ยังถูก สะท้อนถึงแนวโน้ม upside 5 หุ้น top picks ที่แนะนำ ได้แก่ กลุ่มปิโตรเคมี (IVL), โรงกลั่น (TOP), ธนาคาร (TCAP, BBL) และการแพทย์ (BCH)

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัสฯ กล่าวว่า ในปีนี้ตลาดหุ้นไทยยังต้องเผชิญกับแรงกดดันหลายเรื่อง โดยในส่วนของภายนอกนั้น มีความเสี่ยงจากประเด็นเรื่องสงครามการค้า จากประเทศคู่ค้าอื่นที่ไม่ใช่สหรัฐฯ กับจีน รวมถึงความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน ขณะที่ความเสี่ยงภายในประเทศ มีประเด็นทางการเมือง ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของรัฐบาล รวมถึงปัญหาภัยแล้งที่ในปีนี้จะหนักสุดในรอบ 40 ปี รวมถึงการปรับเปลี่ยนมาตรฐานบัญชีใหม่ ที่ถือเป็นความเสี่ยงต่อประมาณการกำไรของตลาด

ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ไทยปีนี้อยู่ที่ 1.0 ล้านล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) 95.71 บาท เติบโต 3.9% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าตลาด ส่วนใหญ่เกิดจากฐานกำไรสุทธิปี 2562 ที่ตํ่ากว่าปกติ ได้แก่ กลุ่มปิโตรเคมีคาดว่าจะเติบโต 66% กลุ่มท่องเที่ยวเติบโต 29% กลุ่มพลังงานเติบโต 9% และกลุ่มวัสดุก่อสร้างเติบโต 8% ในทางตรงกันข้าม กำไรของกลุ่มธนาคารปีนี้คาดว่าจะยังหดตัว 4% กลุ่มสื่อสารหดตัว 12%

“สถานการณ์ที่มีความเสี่ยงจากหลายปัจจัย การลงทุนจึงต้องเน้นหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหนุนให้ผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เช่น BGRIM, PTT, LH, AP, ROBINS และ CPF เป็นต้น

ด้านนายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย (KS) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยไตรมาส 1 ปีนี้คาดว่าจะฟื้นตัวเพราะเป็นการเริ่มต้นปีจากจุดตํ่าหลังจากดัชนีปรับตัวลดลงไป 10% มาตั้งแต่ปี 2561 โดยหุ้นที่เราแนะนำรับมือกับสถานการณ์ขณะนี้ ยังเชียร์หุ้นที่ให้เงินปันผลสูง ได้แก่ TISCO SCB ORI AP MAJOR QH LH ADVANC INTUCH PTTGC และ BCP แนะใช้กลยุทธ์ “ซื้อเดือนมกราคม และขายเดือนเมษายน” โดยคาดว่ากลยุทธ์นี้จะให้ผลตอบแทนเป็นบวก

 

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,539 วันที่ 12-15 มกราคม 2563