E-commerce ไทยโตพุ่งอันดับ 1 อาเซียน

10 ม.ค. 2563 | 09:43 น.

สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเปิดเผยข้อมูลภาพรวมและแนวโน้มอุตสาหกรรมดิจิทัลที่สำคัญในปี 2563 พบว่า กลุ่มธุรกิจดิจิทัลที่มาแรงคือ ธุรกิจ E-commerce  ในประเทศไทยมีการเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยมูลค่าราว 748,000 ล้านบาท สูงเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน โดยตลาดเติบโตเฉลี่ย 20-30% ในช่วงปี 2560-2562 โดยกลุ่มที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญคือ 1) ธุรกิจห้างสรรพสินค้า 2) ธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์อาหาร 3) ธุรกิจด้านเครื่องสำอางและอาหารเสริม ซึ่งเป็นผลมาจากการก้าวเข้ามาของเทคโนโลยีด้าน Online Delivery Service เช่น Lineman และ Grab ซึ่งจากตัวเลขพบว่า Lineman มียอดการใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 300% และมีผู้ใช้บริการ 1.5 ล้านคนต่อเดือนภายในระยะเวลา 2 ปี

E-commerce ไทยโตพุ่งอันดับ 1 อาเซียน

ส่วนอุตสาหกรรมดิจิทัลที่ถูก Disrupt และได้รับผลกระทบอย่างมากคือ อุตสาหกรรมโทรทัศน์ ที่มูลค่าลดลงจาก 115,000 ล้านบาทในปี 2557 สู่ 57,000 ล้านบาทในปี 2561 และสูญเสียผู้ชมจนกระทั่งมีการคืนใบอนุญาตดิจิทัลทีวี ซึ่งเป็นผลมาจากการทดแทนของ Platform OTT ทางดิจิทัล เช่น Netflix และ Youtube ที่เริ่มลงทุนให้บริการและผลิต Content สำหรับประเทศไทย และยังมี อุตสาหกรรมการเงินที่ถูก Disrupt ด้วย Digital Banking และ Fintech โดยข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยปี 2562 ระบุว่า จำนวนสาขาของธนาคารพาณิชย์ลดลงจาก 7,016 สาขาในปี 2559 เหลืออยู่ที่ 6,534 สาขาในปัจจุบัน

“การพัฒนาเทคโนโลยี AI จะ Disrupt รูปแบบการทำงานเดิมๆ จนส่งผลให้ความต้องการจ้างงานลดลง โดยคาดว่า งาน 7 ล้านตำแหน่งในประเทศอังกฤษจะถูกแทนที่ด้วย AI ภายใน 17 ปี ในขณะที่ AI จะสามารถเข้าไปแทนที่ครึ่งหนึ่งของตำแหน่งงานต่าง ๆ ที่มีในสหรัฐอเมริกาได้ภายในช่วง 10 ถึง 20 ปีนี้”

E-commerce ไทยโตพุ่งอันดับ 1 อาเซียน

สำหรับเทนด์ดิจิทัลที่น่าจับตาในปี 2563คือ การเข้ามาของเทคโนโลยี 5G ซึ่งมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า 4G ถึง 10 เท่าจะช่วยยกระดับของโครงสร้างพื้นฐานในปัจจุบัน และเพิ่มอัตราการเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น ส่งเสริมการพัฒนาดิจิทัลคอนเทนต์ รวมไปถึงระบบออนไลน์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อภาคธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ สอดรับกับการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของปริมาณการรับส่งข้อมูล (Bandwidth) อย่างต่อเนื่องตลอด 2 ถึง 3 ปีที่ผ่านมาอันเนื่องมาจากปัจจัยหลัก เช่น 1) ความหลากหลายของดิจิทัลคอนเทนต์ที่มากขึ้น 2) การใช้ Social Media ที่มากขึ้น 3) ระบบเก็บข้อมูลแบบไร้สายและเทคโนโลยี Cloud Computing ที่เข้ามาแทนที่ระบบเก่า

นอกจากนั้นกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับดิจิทัลจะถูกบังคับใช้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยจะส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวในเรื่องนี้  โดยพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ผู้ประกอบการที่เคยเก็บข้อมูลของลูกค้า ลูกจ้าง ผู้มาติดต่อ หรือเคยนำข้อมูลมาเพื่อวิเคราะห์และพัฒนาการขายหรือการให้บริการจนเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจ หลักการที่สำคัญที่ผู้ประกอบการควรทำความเข้าใจเพื่อปรับตัวให้ทัน เช่น การเก็บ การใช้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเสมอ แม้แต่การส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปให้บุคคลอื่นก็ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อน

E-commerce ไทยโตพุ่งอันดับ 1 อาเซียน

พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ.2562 กำหนดให้โครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ (Critical Infrastructure หรือ CI) 8 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มความมั่นคง 2) กลุ่มบริการภาครัฐที่สำคัญ 3) กลุ่มการเงินการธนาคาร 4) กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม 5) การขนส่งและโลจิสติกส์ 6) พลังงานและสาธารณูปโภค และ 7) กลุ่มสาธารณสุข 8) ด้านอื่นๆ ที่คณะกรรมการกำหนด จำเป็นต้องยกระดับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ให้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับมาตรฐานที่ของจากสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา (National Institute of Standard and Technology : NIST) อาทิ การจัดทำประมวลแนวทางปฏิบัติและกรอบมาตรฐานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการจัดให้มีการประเมินความเสี่ยงด้านการรักษาความปลอดภัยอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง