ชงลดภาษีบุคคลธรรมดาเหลือ28%

02 ธ.ค. 2562 | 09:20 น.

สศค.คาดเสนอแผนปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบให้รมว.คลังได้ ก.พ.ปีหน้า ด้านนักวิชาการ แนะลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ใกล้เคียงนิติบุคคล พร้อมเก็บภาษีโอนทรัพย์สินแทนภาษีมรดก


นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในช่วงต้นเดือนธันวาคม นี้ นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้ประชุมคณะทำงานการพิจารณาการปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบอีกครั้ง ซึ่งสศค.มีข้อมูลเพิ่มเติมในหลายประเด็นจากการประชุมครั้งก่อนให้กับที่ประชุมได้พิจารณา โดยจะยังคงรวมถึงการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหลือ 10% จากปัจจุบันที่ 35% ด้วยว่าหากพิจารณาทั้งระบบแล้วจะมีความเป็นไปได้หรือไม่

อย่างไรก็ตามยอมรับเรื่องการปรับโครงสร้างภาษี เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จะต้องมีความรอบคอบในการพิจารณา ดังนั้นจะไม่ได้ข้อสรุปในการประชุมครั้งดังกล่าว แต่เชื่อว่าจะแล้วเสร็จและเสนอให้นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 แน่นอน

ชงลดภาษีบุคคลธรรมดาเหลือ28%

“การประชุมครั้งต่อไป จะมีรายละเอียดเพิ่มเติมมากขึ้น เพราะไปคิดกันมาหลายด้าน หลายรูปแบบ แต่คงได้คำตอบทั้งหมดในการประชุมเดือนหน้าไม่ได้ เพราะรายละเอียดเยอะ เรื่องการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหลือ 10% ก็ยังคงอยู่ในกรอบการพิจารณา คงได้ข้อสรุปภายในกุมภาพันธ์ ปีหน้า” นายลวรณ กล่าว

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า การปรับโครงสร้างภาษีดังกล่าวจะต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาพอสมควร เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่มีผลต่อหลายด้าน แม้ว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีหน้า แต่ก็จะมีผลบังคับใช้แผนการปรับโครงสร้างภาษีดังกล่าวในปีถัดไป เพราะต้องดูระยะเวลาที่เหมาะสมของภาษีแต่ละตัวที่ต้องนำมาใช้ด้วย

ด้านศ.พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานคณะกรรมการภาษี สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ได้เสนอเรื่องไปยังกรมสรรพากรเพื่อเสนอต่อกระทรวงการคลัง ถึงแนวทางในการปฏิรูปภาษีทั้งระบบ ซึ่งไทยมีความจำเป็นต้องปฏิรูปกฎหมายภาษีให้มีความทันสมัย โดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร ที่บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2485 ไม่ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

การปรับโครงสร้างภาษี โดยเฉพาะกรมสรรพากรนั้น ควรจะลดความห่างของเพดานระหว่างการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่จัดเก็บสูงสุด 35% และภาษีเงินได้นิติบุคคล จัดเก็บสูงสุด 20% เมื่อรวมภาษีเงินปันผลอีก 8% ก็จะเสียภาษีในอัตราเพียง 28% เท่านั้น ดังนั้นควรลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้เหลือ 28% เช่นเดียวกัน โดยไม่จำเป็นต้องลดลงเหลือถึง 10% ตามที่เคยหาเสียงไว้

ขณะเดียวกันกรมสรรพากรควรแก้กฎหมายให้ทุกคนต้องยื่นแบบภาษีเงินได้ (ภ.ง.ด.) ทุกราย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีรายได้ถึงกำหนดให้ยื่นแบบภาษีหรือไม่ เพื่อให้ทุกรายเข้าสู่ระบบภาษีและในอนาคตจะสามารถขยายฐานภาษีได้มากขึ้น

นอกจากนี้หากกระทรวงการคลังต้องการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) ก็สามารถดำเนินการได้ อย่างน้อย 1% จาก 7% เป็น 8% แต่ให้ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยด้วยการใส่เงินลงสู่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อนำไปรูดซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค โดยไม่ต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม จะทำให้ผู้มีรายได้น้อยไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับภาษี VAT ที่เพิ่มสูงขึ้น

ส่วนภาษีที่ไม่ควรจัดเก็บ คือภาษีมรดก เพราะปัจจุบันมีรายได้จากภาษีมรดกเพียง 200-300 ล้านบาท เท่านั้น ถือว่าไม่คุ้มค่า และผู้มีรายได้สูงสามารถเลี่ยงภาษีดังกล่าวได้ง่ายกว่าผู้มีรายได้ปานกลางและรายได้น้อย ดังนั้นกรมสรรพากรควรจะมีการจัดเก็บภาษีโอนทรัพย์สินในอัตรา 20-25% ของมูลค่าทรัพย์ที่โอนระหว่างกัน จะทำให้มีรายได้จากภาษีดังกล่าวได้มากขึ้น

“ยืนยันว่าคลังต้องปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบใหม่หมด เพราะที่มีอยู่ล้าสมัยแล้ว จะต้องดันให้มีการยกร่างการปฏิรูปภาษีอย่างจริงจังและเร่งดำเนินการ เพื่อขยายฐานการจัดเก็บภาษีให้มากขึ้น ซึ่งเราได้เสนอกระทรวงการคลังไปตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า”

หน้า 2 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3527 วันที่ 1-4 ธันวาคม 2562