กรณี เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศปลดล็อคการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ตามประกาศศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) หรือ “ศบค.” เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยเปิดโอกาสให้สถานพยาบาลเอกชน ภาคเอกชน และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดหาหรือขอรับการสนับสนุนวัคซีนป้องกันโรคโควิด - 19 ได้นั้น “ฐานเศรษฐกิจ” จึงขอสรุปสาระสำคัญ เงื่อนไข ของประกาศ ฉบับดังกล่าว เพื่อความเข้าใจแบบง่ายๆ ดังนี้
อัพเดท: ศบค. ย้ำ ทุกอปท.จะซื้อวัคซีนโควิดได้เองในทันที
1. การจัดหาวัคซีนโควิด - 19 ต้องให้ได้อย่างน้อยให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ของจำนวนประชากร ไม่น้อยกว่าจำนวนประชากร 50 ล้านคน
2. ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ส่งเสริม สนับสนุนผู้ผลิตวัคซีนโควิด ดำเนินการขึ้นทะเบียนวัคซีนให้เป็นไปอย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ
3.ให้กรมควบคุมโรค องค์การเภสัชกรรม สถาบันวัคซีนแห่งชาติ สภากาชาดไทย ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ หรือหน่วยงานของรัฐ ที่มีหน้าที่และอำนาจในการให้บริการทางการแพทย์ หรือสาธารณสุข แก่ประชาชน ร่วมมือกันในการดำเนินการจัดหา สั่ง หรือนำเข้าวัคซีนโรคโควิด อย่างเร่งด่วน เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วและทั่วถึง ภายใต้กฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง หรือตามหลักเกณฑ์ที่หน่วยงานนั้น ๆ กำหนด
4. สถานพยาบาลเอกชน หรือโรงพยาบาลเอกชน ภาคเอกชน และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) จัดหาหรือขอรับการสนับสนุนวัคซีนโควิด จากรมควบคุมโรค องค์การเภสัชกรรม สถาบันวัคซีนแห่งชาติ สภากาชาดไทย ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ หรือหน่วยงานของรัฐ ที่มีหน้าที่และอำนาจในการให้บริการทางการแพทย์ หรือสาธารณสุข แก่ประชาชน ภายใต้กฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาให้บริการประชาชนหรือบุคลากรในความดูแลได้ตามความเหมาะสม
5. วัคซีนที่จัดหาต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยา และต้องพิจารณากำหนดราคาวัคซีนและการให้บริการที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
6. กรณีการจัดหาสัคซีนของ อปท. ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหลักเกณฑ์หรือแผนการใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และต้องสอดคล้องกับแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด - 19 ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 หรือนายกรัฐมนตรีกำหนด รวมทั้งให้เป็นไปตามแนวทางหรืออยู่ในการกำกับดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำ
สรุปประกาศฉบับดังกล่าวปลดล็อคให้ สถานพยาบาลเอกชน ภาคเอกชน และอปท. สามารถจัดหา สั่งซื้อวัคซีนโควิด ผ่านกรมควบคุมโรค องค์การเภสัชกรรม สถาบันวัคซีนแห่งชาติ สภากาชาดไทย ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ หรือหน่วยงานของรัฐ ที่มีหน้าที่และอำนาจในการให้บริการทางการแพทย์ หรือสาธารณสุข ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายกำหนด โดยยังไม่ได้มีการเปิดให้มีการสั่งซื้อ นำเข้าโดยตรงจากต่างประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: